ผมเป็นคนเลือดกรุ๊ปบี เกิดในราศีมีน....
ลักษณะนิสัยโดยทั่วไปของคนเลือดกรุ๊ปบีก็คือโกรธง่ายหายช้า ความดื้อรั้นชนิดหัวชนฝาความแปรปรวนทางอารมณ์และไม่สามารถเอาแน่เอานอนอะไรด้วยได้ เข้าใจยาก มักยึดติดกับสิ่งเดิมๆที่ตัวเองชอบ บางครั้งก็เข้มแข็งหนักแน่นแต่ในบางครั้งก็อ่อนไหวจนผิดปกติ เรียกง่ายๆว่าเป็นคนประเภทNegativeหนักข้อที่สุดในบรรดากรุ๊ปเลือดทั้งหมด
ลักษณะนิสัยโดยทั่วไปของคนที่เกิดในราศีมีนก็คือความเจ้าอารมณ์และไม่ค่อยยอมอ่อนข้อให้ใครเปรียบได้ดังเช่นปลาที่มักว่ายทวนกระแสน้ำอยู่เสมอ หากกระนั้นก็เป็นพวกขี้เหงาและไม่สามารถขาดความรักความเอาใจใส่ได้ ชอบเรื่องโรแมนติค ช่างคิด ช่างเพ้อฝันจินตนาการแบบนิทานเจ้าชายเจ้าหญิงซึ่งมักจบด้วยความสุขชั่วนิรันดร
และเมื่อเอาทั้งสองอย่างมารวมกัน
‘คาเมะนาชิ คาซึยะ’ ก็คือส่วนผสมของสิ่งมีชีวิตที่เอาแต่ใจตัวเอง ขี้โมโห งี่เง่า ขี้เหงา แถมยังบ้ารักดีๆนี่เอง
.
.
“เยี่ยมมากคาเมะนาชิคุง รีบเปลี่ยนชุดแล้วไปแสตนบายที่ทางออกหมายเลข2ได้เลยนะ”
“ครับ”
เด็กหนุ่มรับคำสั่งจากเจ้าหน้าที่เสตจ เมเนเจอร์ขณะแทรกตัวผ่านจราจลด้านหลังเวทีซึ่งขณะนี้มีสต๊าฟและทีมงานนับร้อยชีวิตวิ่งขวักไขว่โกลาหลราวกับกำลังอยู่ในภาวะสงครามก็มิปาน เสียงแฟนเพลงตะโกนเรียกชื่อคาเมะจังซ้ำๆยังคงดังก้องอยู่ด้านนอกไม่สร่างซาแต่คาเมะก็แทบไม่มีเวลาหยุดปลาบปลื้มยินดีกับผลงานชิ้นเอกเลยเพราะต้องรีบกลับเข้ามาเผชิญกับความวุ่นวายต่อ เนื่องจากว่าเพิ่งจบช่วงเพลงโซโล่W/O Noticeของเขาไปเมื่อสักครู่แล้วจึงต่อด้วยเพลงโซโล่ของจุนโนะสุเกะซึ่งต้องมีPreludeเป็นการพูดคุยทักทายแจกพัดรูปหน้าตัวเองพร้อมลายเซ็นให้กับแฟนๆผู้โชคดีก่อน ถึงแม้ว่าจะดูเป็นไอเดียที่ออกจะหลงตัวเองเกินไปบ้างแต่มันก็ทำให้คาเมะมีเวลาสำหรับการเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวร้องเพลงต่อไปนานขึ้น
ร่างบางหอบเสื้อผ้าที่จะใช้เปลี่ยนเข้าไปยังมุมหนึ่งของด้านหลังเวทีส่วนที่ถูกม่านสีดำขึงปิดเอาไว้แทนประตูลักษณะคล้ายกับห้องลองเสื้อในห้างสรรพสินค้าเพียงแต่ว่าข้างในจะกว้างขวางกว่าเข้าไปได้พร้อมกันหลายคนและมีอุปกรณ์อื่นๆให้ครบครัน คาเมะวางของข้าวของในมือทิ้งไว้หน้ากระจกแล้วรีบเร่งถอดแว่นตาลงมือปลดเนคไทและกระดุมเสื้อเชิ้ตออกแล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อชุดใหม่ ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติอย่างที่มักเกิดขึ้นประจำในงานแสดงคอนเสิร์ตไม่มีอะไรผิดพลาด จนกระทั่ง....
“อ๊ะ!!”
แปรงหวีผมทำจากพลาสติกด้ามใหญ่หลุดจากการครอบครองของมือเล็กก่อนจะกลิ้งกระเด็นกระดอนหายเข้าไปภายในซอกใต้โต๊ะข้างล่างซึ่งมีอุปกรณ์ข้าวของอย่างอื่นยัดสุมเอาไว้มหาศาล คาเมะจึงจำเป็นต้องมุดตัวลงไปควานหาของที่ทำหล่นอย่างเสียไม่ได้ทั้งๆที่ใจจริงแล้วก็อยากจะปล่อยมันทิ้งไว้ แต่เพราะว่าเป็นของส่วนรวมของที่ทีมงานอุตส่าห์จัดเตรียมให้ เขาจึงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ มือเล็กควานหาป่ายปัดอยู่อยู่ครู่หนึ่งก็เจอแปรงหวีผมตัวต้นเหตุถึงได้ลุกกลับขึ้นมายืน หากก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าตนเองไม่ได้อยู่ในห้องเปลี่ยนชุดเพียงลำพังเหมือนอย่างเมื่อสักครู่
“ปล่อย!!”
แขกที่ไม่ได้รับเชิญถือวิสาสะพุ่งปราดเข้าไปคว้าข้อมือบอบบางเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าส่งสายตาเย็นชาทำเหมือนไม่อยากใส่ใจว่าใครกันที่อุตส่าห์เข้ามาเยี่ยมเยียนเพื่อกล่าวชมเชยการแสดงเพลงเดี่ยวอันแสนน่ารักตามประสาหนุ่มน้อยที่เพิ่งหัดมีความรักเป็นครั้งแรกจนมองทุกอย่างเป็นสีชมพูไปเสียหมด ช่างแตกต่างกับคาเมะนาชิ คาซึยะในชีวิตจริงเหลือเกินที่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนกับความรักสีดำเพราะไม่เคยได้เป็นที่หนึ่งในใจของผู้ชายคนนั้นเลยสักครา....
อดีตคู่ดูโอร่วมโปรเจ็คส่งยิ้มจางๆที่ดูเกือบแนบเนียนคล้ายว่าจะเป็นมิตรให้ หากกระนั้นคาเมะก็ยังพยายามสะบัดมือข้างที่ถูกจับกุมเอาไว้ให้หลุดพ้นออกจากพันธนาการ เสียงแหบหวานแผดดังใส่ศัตรูจนแทบกลายเป็นตะคอก ดวงตาเรียวรีคู่สวยฉายแววเกรี้ยวกราดราวกับจะขู่เข็ญข่มขวัญให้อีกฝ่ายเกรงกลัวแล้วรีบถอยห่างออกไปเสียแต่โดยดี
เจอหน้ายามะพีทีไร คาเมะก็ไม่พ้นอารมณ์บูดปั้นหน้าตาบึ้งตึงใส่แทบทุกครั้ง ยกเว้นเสียแต่ว่าจะมีใครตั้งกล้องถ่ายภาพอัดรายการเอาไว้แถวนั้น
หากพอเป็นอาคานิชิ จินเพื่อนสนิทของเขา ถ้าไม่ได้อยู่ในช่วงบาดหมางผิดใจกัน ไม่ว่าจะหน้ากล้องหรือหลังกล้อง คาเมะก็มีแต่รอยยิ้มหวานสวยน่ารักมอบให้เสมอ.... ถ้าคุณจอห์นนี่ไม่สั่งเบรคเอาไว้แล้วล่ะก็ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันไหนสองคนนี้จะกอดจูบโชว์ออกอากาศให้มันรู้แล้วรู้รอด
แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร เขาก็ยอมไม่ได้ทั้งนั้น!!
“ทำไมถึงต้องทำท่าทางเย็นชาหมางเมินกันขนาดนั้นด้วยล่ะ ฉันน่ารังเกียจมากเลยเหรอ?”
ยามาชิตะ โทโมฮิสะคลายแรงบีบรัดรอบมือของคาเมะออกก่อนจะเปลี่ยนท่าทีคุกคามให้กลายเป็นนุ่มนวลอ่อนโยนอย่างรวดเร็วพลางเอียงศีรษะทำทีเป็นถามเหมือนไม่เคยล่วงรู้ระแคะระคายมาก่อนว่าตนเองพลั้งเผลอไปทำอะไรให้คนรักของเพื่อนชังน้ำหน้าได้ถึงเพียงนี้.... หากมองแค่ผิวเผินจากภายนอก ยามะพีก็มีส่วนคล้ายคาเมะตรงที่แลดูค่อนข้างเรียบร้อย เอาการเอางานและมีสัมมาคารวะกับพวกผู้ใหญ่จนเป็นที่รักของใครต่อใคร แต่จะแตกต่างกันก็ตรงที่คาเมะจะแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะท่าทาง สายตา น้ำเสียงเวลาที่อยู่ต่อหน้ากล้องกับหลังกล้องก็จะเป็นคนละแบบโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ยามะพีไม่ว่าเมื่อไร เวลาไหนก็จะใช้วิธีการพูดทั้งรอยยิ้มและน้ำเสียงลากยาวยานคางเช่นนี้
......มันจึงเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะจับให้ได้ไล่ให้ทันว่าเพื่อนร่วมสังกัดคนนี้กำลังคิดจะทำอะไรกันแน่......
“หรือว่าคาเมะจังจะโกรธที่ฉันไปขัดจังหวะตอนกำลัง ‘ฟัด’ อยู่กับไอ้จิน ก็บอกไปแล้วนี่นาว่าไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนจริงๆ?”
คำพูดนั้นอาจจะฟังดูคล้ายว่าต้องการจะขอโทษหากสำนวนที่ใช้ก็ยังคงแปร่งระคายหูอยู่ดีในความรู้สึกของคาเมะ ราวกับคนตรงหน้ากำลังจะหลอกด่าทางอ้อมว่าเขาเป็นพวกหน้าไม่อายที่กล้าทำเรื่องประเจิดเจ้อในห้องแต่งตัวซึ่งเป็นที่สาธารณะอย่างไรก็อย่างนั้น ทั้งๆที่ถ้าหากเป็นเพื่อนสนิทของจินก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าใครกันแน่ที่เป็นต้นเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน.... แต่ก็ป่วยการจะอธิบาย คาเมะไม่ชอบยามะพีและยามะพีก็เกลียดคาเมะอย่างกับอะไรดี ดังนั้นก็ถือว่าเสมอกันไปไม่จำเป็นต้องมีการปรับความเข้าใจและไม่จำเป็นต้องแก้ตัวอะไรทั้งสิ้น อยากจะคิดจะหรือเอาไปพูดอย่างไรก็เชิญตามสบายในเมื่อเขาเองไม่อยากจะใส่ใจเก็บเอาเรื่องของคนพรรค์นี้มาเป็นประเด็น
“เอาไว้ค่อยคุยกันทีหลังได้ไหม ฉันต้องรีบออกไปข้างนอกแล้ว?”
“ได้สิ.... ฉันเองก็อยากตามใจคาเมะจังเหมือนกันนะ”
ใบหน้าเรียวสวยหันควับไปยังต้นเสียงพลางส่งสายตาเขม่นมองอย่างเอาเรื่องเอาราวทันทีที่ประโยคคำพูดนั้นหลุดรอดออกมาให้ได้ยิน อุณหภูมิอุ่นระอุซึ่งไม่รู้ว่ามาจากไหนต่างพากันมาสุมอยู่บนผิวเนื้อของคาเมะจนเด็กหนุ่มรับรู้ได้ถึงความร้อนผ่าวที่ไหลแล่นไปทั่วทั้งกาย ยิ่งเห็นรอยยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัยก็ยิ่งชวนให้เขาเกิดความรู้สึกโกรธเกลียดในตัวเพื่อนสนิทของชายคนรักมากขึ้นไปอีกหลายร้อยเท่าพันทวีคูณ....
คำพูดซึ่งยามะพีเพิ่งเปล่งออกมานั้นเป็นคำๆเดียวกับที่จินพูดตอนรับปากว่าจะพาเขาไปเล่นเซิร์ฟที่โชนัน ย่อมหมายความว่าอีกฝ่ายมาแอบดูแอบฟังบทสนทนาทั้งหมดระหว่างที่คาเมะคิดว่าตัวเองอยู่กับคนรักภายในห้องเพียงแค่สองต่อสองตั้งแต่แรกแม้กระทั่งตอนที่เขากับจินจูบกัน คาเมะไม่อยากเชื่อเลยด้วยซ้ำว่ายามะพีจะกล้าทำถึงขนาดนี้ในเมื่อถ้าเกลียดนักก็ต่างฝ่ายต่างอยู่กันไปไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกัน บางทีโทรศัพท์ที่สองพี่น้องชิโรตะต่อสายเข้ามาก็อาจจะเป็นอุบายซึ่งยามะพีกุขึ้น......!!??
+++แบบนี้มันจงใจหาเรื่องกันชัดๆ!!+++
“.....อื้อ.....หยุด.......ถอยไปนะ!!!!!”
ฉับพลัน ริมฝีปากของคนที่เคยเอาแต่ประชดประชันเหน็บแนมต่างๆนานาก็จาบจ้วงแตะลงบนกลีบปากบางซึ่งเม้มแน่นเข้าหากันอย่างเจ็บปวดคับแค้นใจ ร่างบางสะดุ้งเฮือกเบิกนัยน์ตากว้างส่งเสียงร้องด้วยความตกใจเมื่ออยู่ดีๆคนที่ตนเองประกาศกร้าวว่าเกลียดที่สุดในโลกกลับมาทำหยาบคาบบังคับจูบโดยอาศัยช่วงจังหวะตอนที่เขาเผลอไม่ทันระวังตัว.... มือเล็กกระหน่ำทุบไม่ยั้งลงบนไหล่ของคนตัวสูงล่ำสันกว่าหวังจะให้อีกฝ่ายเจ็บแล้วถอยออกไปแต่ก็ไม่เป็นผล พาลนึกโมโหตัวเองไปด้วยที่เมื่อก่อนก็สรีระร่างกายขนาดพอๆกับคนตรงหน้าหากในเวลานี้กลับแบบบางกว่าอย่างเห็นได้ชัดจนไม่สามารถขืนสู้ต้านทานพละกำลังเรี่ยวแรงของยามะพีได้ จนกระทั่งยามะพีเป็นฝ่ายยอมปล่อยออกมาเอง
“คิดจะทำอะไร นี่มันไม่ตลกเลยนะ!!??”
คาเมะตะคอกถามพลางใช้หลังมือเช็ดถูริมฝีปากอย่างรุนแรงด้วยความรู้สึกขยะแขยงโดยไม่เกรงเลยว่ามันจะฟกช้ำดำเขียว สภาพของร่างเล็กไม่ต่างอะไรกับคนที่เพิ่งโดนแมลงสาบไต่ปากจนอยากวิ่งหนีเข้าห้องน้ำไปอาเจียนจนกว่าความสะอิดสะเอียดชวนขนหัวลุกจะหมดไป หากแต่คนกระทำกลับเพียงแค่ยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างไม่สะทกสะท้านกับรังสีความเกลียดชังที่ฉายชัดออกมาทางสายตาและน้ำเสียงดุดันก่อนจะเฉลยที่มาที่ไปว่าสิ่งที่ทำลงไปอย่างอุกอาจเมื่อครู่นั้นคืออะไร
“ก็แค่จูบธรรมดาๆ.... แต่เป็นจูบที่ไร้หัวใจยังไงล่ะ”
“กับหมอนั่นก็เหมือนกัน ถึงจะเจ็บเจียนตายแต่มันก็คงดีกว่าถูกทิ้งอย่างน่าสมเพชใช่ไหม?”
ดวงตากลมโตหรี่มองคนรักของเพื่อนสนิทซึ่งหอบหายใจแรงท่าทางเหมือนลูกนกแรกเกิดที่ร่วงหล่นลงมาจากรังบนต้นไม้ โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งพิง หวาดกลัวและหนาวเหน็บจับถึงขั้วหัวใจ....
สิ่งที่เขาเพิ่งบอกออกไปก็ไม่ได้มีความหมายสลับซับซ้อนอะไรเลย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานสักกี่ปี คาเมะนาชิ คาซึยะก็ยังคงเป็นคาเมะจังคนเดิมที่สุดแสนจะโง่เขลาและได้แต่วิ่งไล่ตามเงาของอาคานิชิ จินเท่านั้น ภายใต้ท่าทางเย่อหยิ่งประหนึ่งว่าไม่เคยเห็นหัวใครก็ตามซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนจะเคยรู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าถูกผู้ชายที่ตัวเองรักนักรักหนาจัดลำดับความสำคัญเอาไว้ข้างล่างสุด ไม่ว่าวันนี้หรือเมื่อไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงข้อนี้ได้ตราบใดที่คาเมะยังคงอวดดื้อถือดีเห็นเพื่อนของจินทุกคนเป็นศัตรูโดยเฉพาะกับยามะพี อยากจะกักขังเก็บอาคานิชิ จินเอาไว้กับตัวเพียงคนเดียว อาศัยจูบและเซ็กส์เย็นชืดชั่วครู่ชั่วคราวซึ่งปราศจากความรักเจือปนตามประสาชายหนุ่มที่อย่างไรก็ต้องปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศมาหล่อเลี้ยงประทังชีวิตไปวันหนึ่งๆ
นั่นแหละ.... ที่เขาคิดว่ามันช่างน่าสมเพชเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
“นายต้องการอะไรกันแน่ ยามะพี?”
คาเมะเงยหน้าขึ้นถามออกไปตามตรง ตัดสินใจสู้อย่างสุนัขจนตรอกที่ไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไปแล้วในเมื่ออีกฝ่ายกำลังทำร้ายเขาทั้งคำพูดและการกระทำ.... ทุกครั้งที่ผ่านมาถึงแม้ว่าจะถูกคนๆนี้กลั่นแกล้งให้เจ็บใจหรือกดดันพาลให้เขารู้สึกว่าตัวเองต่ำต้องด้อยค่าหนักหนาสาหัสมากสักเพียงไหนแต่คาเมะก็อดทนมาโดยตลอด มันผิดมากนักหรืออย่างไรกับการที่เขามีจินเป็นคนรักทั้งๆที่คาเมะเองก็ไม่เคยคิดจะเข้าไปก้าวก่ายโลกส่วนตัวของกลุ่มเพื่อนสนิทเลยสักครั้ง คาเมะรู้ดีว่าตัวเองเป็นส่วนเกินถึงได้พยายามหลีกเลี่ยงไม่อยากยุ่งเกี่ยวหากก็เหมือนว่าจะยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของยามาชิตะ โทโมฮิสะเสียที
“ฉันต้องการจิน”
ยามะพีเอ่ยเสียงเรียบเฉยพร้อมด้วยรอยยิ้มตามแบบฉบับไอดอลยอดนิยมเหมือนเช่นเคยต่างไปจากเด็กหนุ่มร่างบางซึ่งจ้องมองหน้าเขาเขม็ง ไม่ผิดไปจากความคาดหมายว่าสิ่งที่ได้ยินจะต้องทำให้คนรักของเพื่อนมีปฏิกิริยาบ้างไม่มากก็น้อย.... แต่ยังไม่ทันที่คาเมะจะได้ตั้งสติหรือทำอะไรต่อ ริมฝีปากที่เพิ่งฉกฉวยขโมยจูบเขาไปเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมาก็โฉบลงคลอเคลียอยู่ข้างหูก่อนจะกระซิบกระซาบด้วยสำเนียงทีเล่นทีจริง
“แล้วฉันก็ต้องการนายด้วยนะ.... คาเมะจัง”
“เอาไว้เดี๋ยวค่อยเจอกันบนเวทีนะ”
จมูกโด่งเป็นสันได้รูปกดลงเร็วๆบนผิวแก้มขาวเนียนละเอียดแล้วจึงค่อยถอยออกห่าง ปล่อยคนตัวเล็กให้ยืนนิ่งค้างอย่างคนไร้สติสัมปชัญญะเอาไว้ตามลำพังกับประโยคสั้นๆภายในห้องสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังเวที.... ใบหน้าสวยซีดเผือดไร้สีเลือดฝาดขณะที่ทัศนียภาพเบื้องหน้าเริ่มพร่าเลือนเพราะความอุ่นร้อนซึ่งจวนเจียนจะทะลักออกมาจากโพรงกระบอกตา ภายในผืนอกเรียบบางปวดหนึบราวกับมีมือโปร่งแสงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าบีบก้อนเนื้อหัวใจของเขาให้แหลกสลาย ไม่รู้ว่าเลยด้วยซ้ำว่าความปวดร้าวอย่างที่กำลังเผชิญอยู่จะสามารถทำให้ใครคนหนึ่งล้มลงทั้งยืนแล้วขาดใจตายไปเสียตรงนี้เลยได้หรือไม่
สนุกมากนักหรือกับการที่ได้ปั่นหัวเขาให้เป็นเหมือนคนบ้า?
สนุกมากนักหรือกับการที่ได้รังแกคนอื่น เอาความรู้สึกที่เขามีให้จินมาล้อเล่นเสมือนว่ามันเป็นเรื่องตลกน่าหัวเราะเยาะ?
คาเมะไม่เข้าใจความคิดของยามะพี
ไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ....
“คาเมะนาชิคุง......อะ.......เอ่อ”
เสียงเรียกของทีมงานคนหนึ่งที่เข้ามาตามคาเมะให้ออกไปแสตนบายเมื่อเห็นว่าใกล้จะจบช่วงการแสดงโซโล่ของจุนโนะสุเกะชะงักสะดุดไปเมื่อเห็นนักร้องนำหน้าสวยของKAT-TUNกำลังยืนกำมือแน่นในขณะที่สองข้ามแก้มมีหยาดน้ำใสไหลอาบจนชุ่ม เด็กหนุ่มรีบใช้ผ้าเช็ดตัวที่แขวนเอาไว้ไม่ไกลเช็ดปาดคราบของความสะเทือนใจออกอย่างรวดเร็วก่อนจะหันมาส่งเสียงแหบหวานบอกกล่าวต้นสายปลายเหตุเพื่อคลายความสงสัยให้กับทีมงานคนนั้นก่อนที่เรื่องจะยิ่งเลยเถิดไปกันใหญ่
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่ผงเข้าตาเท่านั้นเอง”
“อ้อ.... อย่างนั้นเองหรอกเรอะ ยังไงถ้าเสร็จแล้วก็รีบออกไปเลยนะ จวนจะถึงเวลาต้องออกไปหน้าเวทีแล้ว”
คาเมะพยักหน้ารับคำแล้วหันไปสำรวจตรวจตราดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้า หน้าตาและทรงผมจากบานกระจกเงาเป็นครั้งสุดท้าย ถึงภายในอกจะยังเจ็บแปลบปลาบอยู่เป็นระยะๆหรือแม้จะยังมีรอยแดงช้ำอยู่บ้างตรงหางตาแต่ก็ไม่มีเวลาเหลือมากพอให้เขาคร่ำครวญเกี่ยวกับเรื่องของยามะพีที่เพิ่งผ่านไปอีกแล้ว มือเล็กตบแป้งฝุ่นสีเนื้ออย่างลวกๆหวังใช้มันกลบเกลื่อนร่องรอยความเสียใจให้มิดชิดแล้วรีบก้าวเท้าตามหลังสต๊าฟคนนั้นออกไป.... ตอนนี้ หน้าที่และงานต้องมาก่อน
....................
..............................
ระหว่างที่แสงไฟสปอร์ตไลท์ฉายอาบลงมาบนร่างผอมบางที่เคลื่อนไหวไปตามจังหวะเพลงอย่างงดงามบนเวทีขนาดใหญ่
คาเมะก็ได้แต่บอกกับตัวเองว่าเขาไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยสักนิด
ก็แค่เหนื่อยกับคอนเสิร์ตจนเกินไป จิตใจก็เลยอ่อนแอกว่าปกติ
......เท่านั้นเอง......
ผมเป็นคนเลือดกรุ๊ปโอ เกิดในราศีกรกฏ....
ลักษณะนิสัยโดยทั่วไปของคนเลือดกรุ๊ปโอก็คือความมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง ความเป็นกันเองและชอบอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนมากหน้าหลายตา ชอบเรียนรู้ เข้าสังคมทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ ไม่ยิดตึดกับสิ่งเดิมๆ โกรธง่ายหายเร็ว ซึ่งนับว่าเป็นกรุ๊ปเลือดที่ง่ายๆสบายๆและมองโลกในแง่ดีที่สุดในบรรดากรุ๊ปเลือดทั้งหมด
ลักษณะนิสัยโดยทั่วไปของคนที่เกิดในราศีกรกฏก็คือเบื่อง่าย เกลียดความซ้ำซากจำเจและความอุดอู้ ไม่ใช่คนเอาแต่ใจตัวเองแต่เป็นพวกชอบทำตามใจตัวเอง คิดอย่างไรก็พูดออกไปตามตรงไม่ค่อยเก็บซ่อนปิดบังความรู้สึก ค่อนข้างเข้มแข็ง เป็นคนช่างสังเกตแต่ในบางครั้งก็หัวช้าจนดูเหมือนเย็นชาและไม่สามารถรับรู้ได้ว่าคนอื่นรู้สึกนึกคิดกับตัวเองอย่างไร
และเมื่อเอาทั้งสองอย่างมารวมกัน
‘อาคานิชิ จิน’ ก็คือส่วนผสมของสิ่งมีชีวิตที่ติดเพื่อน ชอบงานปาร์ตี้รื่นเริง ขี้เบื่อ เจ้าชู้ ปากร้ายและไม่แคร์ความรู้สึกของใครหน้าไหนทั้งนั้น
แต่ตัวผมก็ไม่ได้คิดว่าการทำนายนิสัยจากกรุ๊ปเลือดหรือราศีอะไรทำนองนี้จะแม่นยำจริงหรอกนะ
.
.
สายตาคมมองตามร่างเล็กที่สะบัดแขนขาพริ้วไปตามจังหวะทำนองเพลงด้วยความสงสัยไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่น้อย วันนี้คาเมะดูจงใจเว้นช่องว่างระยะห่างจากเขาจนผิดปกติอย่างเห็นได้ชัดแม้กระทั่งท่อนที่ต้องหันหน้าเข้าหากันร่างบางก็แกล้งทำเมินมองไปทางอื่นเสียอย่างนั้น ไหนจะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเริ่มการแสดงนั่นอีก รู้ทั้งรู้คอนเสิร์ตรอบนี้จะถูกบันทึกเพื่อนำไปทำเป็นดีวีดี ดังนั้นสภาพของทุกคนในKAT-TUNจึงต้องพร้อมและสมบูรณ์แบบที่สุดไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผม การร้อง การเต้นหรือแม้กระทั่งรอยยิ้ม ทั้งๆที่เขาอุตส่าห์ตั้งใจรวบผมเก็บขึ้นให้เพราะเห็นว่าเจ้าตัวกำลังกลัดกลุ้มกับทรงผมซึ่งสื่อสารกับแฮร์สไตลิสท์ผิดพลาดจนออกมาเป็นเหมือนอย่างที่เห็นแต่กลับโดนดึงออกลับหลัง....
แล้วจะให้เขาทำอย่างไรกับคนตัวเล็กที่เล่นนอกคิวผิดไปรอบอื่นๆที่ผ่านมาโดยไม่คิดจะบอกกล่าวกันก่อน ทั้งแอบเปลี่ยนบล็อคกิ้งในบางจุดโดยพลการเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับเขา ทั้งหน้าตาสวยๆที่บูดบึ้งแทบจะตลอดเวลานั่นก็อีก แม้จะยิ้มบ้างแต่ก็ช่างดูเป็นรอยยิ้มอันแสนห่อเหี่ยวแตกต่างไปจากเมื่อวานราวฟ้ากับดินเหลือเกิน
นิสัยดื้อเงียบ เอาแต่ใจตัวเองชนิดหาตัวจับยากของคาเมะเป็นสิ่งที่จินทำใจยอมรับได้นานแล้วและก็ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ในขณะเดียวกันรสนิยมความชอบส่วนตัวของจินในการที่จะออกไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนฝูงนั้นก็เป็นสิ่งที่คาเมะจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้เช่นเดียวกัน ในเมื่อคาเมะชอบอยู่เงียบๆไปไหนมาไหนกับคนที่สนิทสนมกันเท่านั้น จินก็ไม่เคยคิดจะบังคับฉุดกระชากลากถูกร่างบางออกมาตะลอนๆด้วยกัน หากนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจำเป็นจะต้องอุดอู้อยู่ในบ้านกับคาเมะสองต่อสองตลอดเวลาเสียเมื่อไร แล้วการที่คาเมะไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับกลุ่มเพื่อนได้ก็ไม่ใช่ความผิดของจินเลยแม้แต่น้อย....
ทุกวันนี้เขาเองก็ดูแลคาเมะไม่เคยขาดตกบกพร่อง ทั้งคอยเอาใจสารพัด อยากได้อะไรก็ได้ ประคบประหงมตามใจกันจนเคยตัว คาเมะก็อยู่ในส่วนของคาเมะ เป็นคนสำคัญเพียงคนเดียวที่จินต้องทะนุถนอมปกป้องรักษาเอาไว้ให้ดีที่สุด แต่ในขณะเดียวกันจินเองก็ต้องการความสนุกสนานและความสบายใจซึ่งหาได้จากกลุ่มเพื่อนเหมือนกัน
เรื่องของเราสองคนก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก คาเมะจะมาคิดมากหรือน้อยใจอะไรอีก?
ถ้าจะโกรธเพียงเพราะว่าเขารับปากไปเที่ยวกับเพื่อนมันก็ฟังดูไร้สาระเกินไปหน่อยแล้ว
“สวัสดีครับทุกคน”
เสียงทักทายแหบทุ้มของแขกรับเชิญจากวงNEWSเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดกระหึ่มกึกก้องด้วยความตื่นเต้นจากแฟนเพลงกว่าหกหมื่นชีวิตในโตเกียวโดมได้แทบจะพร้อมๆกัน ร่างล่ำสันในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนท่าทางสบายๆเดินออกมาจากด้านหลังเวทีด้วยรอยยิ้มพิมพ์นิยมขณะเข้าสู่ช่วงพักพูดคุยของการแสดงตามกำหนดการที่ตกลงร่วมกันเอาไว้ตั้งแต่ตอนเช้า ซึ่งช่วงMCของวันนี้คงจะดำเนินต่อไปอย่างราบรื่นไม่มีอะไรผิดปกติถ้าหากจินจะไม่สังเกตเห็นคนรักของเขาค่อยๆขยับเท้าถอยห่างออกไปจากวงสนทนาทีละเล็กทีละน้อยเสียก่อน
ณ เวลานั้นจินคิดว่าตัวเองควรต้องทำอะไรสักอย่างกับคาเมะซึ่งจนป่านนี้ยังดื้อด้านไม่เลิกพาลจะทำให้เสียงานครั้งสำคัญเอาได้ง่ายๆ แต่ก็ติดตรงที่ยามะพีเดินมาหยุดตรงกลางระหว่างเขากับเด็กดื้อที่ถอยห่างออกไปทุกทีๆเหมือนจะขวางไม่ให้เดินไปไหนได้อย่างไรก็อย่างนั้น การพูดคุยยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆโดยมีโคคิกับยูอิจิเป็นเหมือนMCหลักของKAT-TUN ในขณะที่คาเมะปลีกตัวออกจากวงสนทนาโดยสิ้นเชิง ถ้าไม่หันไปกระซิบกระซาบอะไรกับอุเอดะก็เอาแต่โบกไม้โบกมือให้แฟนๆที่นั่งอยู่แถวหน้าตลอดเวลา ทำราวกับว่าไม่มีจิน ไม่มียามะพี ไม่มีแขกรับเชิญสำหรับMCในรอบนี้ใดๆทั้งสิ้น
“นี่.... แฟนๆของพวกนายเขาเป็นเอสกันใช่ไหม?”
คำถามนั้นฟังดูเหมือนไม่มีความหมายใดๆเป็นพิเศษและมันก็จะยังคงเป็นเช่นนั้นตลอดไปถ้าหากคาเมะไม่หันไปเห็นสายตายิ้มเยาะแปลกประหลาดของยามะพีมองมายังตนเองเสียก่อน โคคิที่กำลังคุยติดพันอยู่จึงเป็นคนส่ายศีรษะปฏิเสธทันควันเพราะคาดไม่ถึงว่ายามะพีกำลังพาดพิงออกนอกประเด็นโดยหวังผลให้ร่างบางซึ่งยินอยู่ข้างอุเอดะ ทัตสึยะและทางุจิ จุนโนะสุเกะหันมาเผชิญหน้ากันตรงๆ
“ไม่ใช่ๆ เป็นเอ็มต่างหาก”
“มิน่าล่ะ.... ถึงพูดจาหยาบคายด้วยได้ บรรยากาศแตกต่างออกไปจากแฟนๆของNEWSมากเลยนะเนี่ย”
คำพูดของยามาชิตะ โทโมฮิสะเรียกเสียงหัวเราะจากคนดูให้ดังกึกก้องไปทั่วทั้งฮอลล์ขนาดใหญ่ ปฏิกิริยาท่าทางของแฟนเพลงส่วนมากดูคล้ายจะไม่ติดใจคิดอะไรมากมายกับประโยคคำพูดหยอกล้อเล่นจากแขกรับเชิญ ผิดกับสมาชิกKAT-TUNบางคนที่หันไปมองหน้ายามะพีแทบจะเป็นตาเดียวกันจนกระทั่งเกิดสุญญากาศบนเวทีไปชั่วขณะหนึ่ง.... มันอาจจะเป็นเพียงแค่การล้อเล่นที่เลยเถิดล้ำเส้นของคนปากเสียคนหนึ่งไม่ได้เฉพาะเจาะจงด่าว่ากระทบกระแทกแดกดันใครเป็นพิเศษ แต่สายตาของแขกรับเชิญร่วมสังกัดกลับทอดมองนักร้องนำร่างบางในขณะที่คาเมะเองก็จ้องตอบไม่ลดละ
“ถ้าอย่างนั้นนายก็ลองพูดแบบKAT-TUNดูสิ เอาเลยๆ”
โคคิและยูอิจิซึ่งเห็นว่าบรรยากาศท่าไม่ค่อยจะดีก็รีบแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าเบี่ยงเบนความสนใจของทุกคนให้กลับมาเข้าสู่โหมดสนุกสนานเฮฮาอีกครั้ง โดยที่ยามะพีเองก็ตีหน้าซื่อเหมือนไม่รู้สึกตัวเลยว่าเมื่อสักครู่เกือบเผลอก่อสงครามกลางเวทีคอนเสิร์ตเสียแล้ว เคราะห์ดีที่คาเมะหรือทัตสึยะซึ่งดูท่าทางไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดไม่คิดจะโต้ตอบอะไรออกมา
“ไม่ไหวหรอก.... ผมเป็นNEWS จะให้พูดจาแบบKAT-TUNได้ยังไง?”
“เอาน่า ลองดูสักครั้ง.... ทุกคนให้กำลังใจยามะพีหน่อยเร็ว”
“เอ่อ.......ว่าไง พวกเอ็งทั้งหลาย สบายดีใช่ไหมครับ?”
สถานการณ์กลับคืนสู่สภาวะปกติเมื่อเสียงหัวเราะปรบมือชอบใจของแฟนเพลงดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อยามะพีพยายามลองพูดจาโดยใช้ภาษาแบบKAT-TUNให้ทุกคนฟังหากก็ยังติดภาษาสุภาพมาอยู่ดี ช่วงMCดำเนินต่อไปเรื่อยๆอย่างราบรื่นท่ามกลางความสุขของผู้ชมคอนเสิร์ตหลายหมื่นชีวิต.... จินถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะเกรงว่าเจ้าเพื่อนตัวแสบจะก่อเรื่องพาลให้สมาชิกคนอื่นๆในKAT-TUNเกลียดขี้หน้าเขาไปด้วยในข้อหาพาตัวทำลายบรรยากาศมาเป็นแขกรับเชิญอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นึกแล้วก็โมโหไม่รู้ว่ายามะพีกำลังคิดบ้าพิเรนทร์อะไรอยู่กันแน่ถึงได้พูดจาเหมือนว่าร้ายแฟนเพลงออกไปแบบนั้นทั้งๆที่ในยามปกติแล้วก็ไม่ได้เกิดมาเป็นคนปากเสีย ถ้าเป็นนิชิกิโด เรียวก็ว่าไปอย่าง
“............คาเมะ?”
ภาพฝามือขาวบอบบางที่จิกกำแน่นจนเล็บฝังเข้าไปในเนื้อปรากฏสู่สายตาของอาคานิชิ จิน คิ้วหนาได้รูปขมวดมุ่นอย่างข้องใจสงสัยว่าเพราะอะไรคาเมะถึงต้องทำท่าทางเหมือนกำลังพยายามสะกดกลั้นอารมณ์แบบนั้นด้วย ท่อนขาแกร่งจึงก้าวเข้าไปใกล้หมายจะถามไถ่ให้รู้ความแต่คนตัวเล็กกลับเดินหนีไปอีกทางพร้อมทั้งลากอุเอดะไปด้วย
“ทัตจัง ดูทางนั้นสิ”
คาเมะฉีกยิ้มกว้างพลางชี้นิ้วเปะปะเรียกหัวหน้าวงให้หันไปมองดูอะไรสักอย่างตรงที่นั่งคนดูฝั่งขวามือ โดยไม่สนใจเสียงเรียกของจินที่อยู่ทางด้านหลังและกำลังเดินเข้าไปหาเลยแม้แต่น้อย และมันก็เป็นอย่างนั้นไปตลอดจนกระทั่งช่วงMCอันสุดแสนน่าจะน่าอึดอัดจบลง
แม้แต่ตอนช่วงอังกอร์ซึ่งอันที่จริงแล้วจินกับคาเมะจะต้องเดินมาขึ้นเรือด้วยกัน คาเมะก็เลี่ยงไปกับจุนโนะสุเกะแทน ประกอบกับว่าทางทีมงานขอร้องให้ยามะพีออกไปทักทายและร่วมร้องเพลงReal FaceกับKAT-TUNอีกครั้ง จินก็เลยต้องลากยามะพีไปขึ้นเรือแทนคาเมะอย่างเสียไม่ได้
....................
..............................
กว่าจะรับรู้ได้ว่าถูกคาเมะโกรธ มันก็ดูคลับคล้ายคลับคลาว่าจะสายเกินไปเสียแล้ว
แต่จินกลับไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกเสียจากมองตามแผ่นหลังบอบบางที่ตัวเองเคยโอบกอดเอาไว้ด้วยความหวงแหน
......เท่านั้นเอง......
“ขอบคุณมากครับโอคุยามะซังที่อุตส่าห์ช่วยเหลือพวกเรามาตลอดทัวร์คอนเสิร์ตปีนี้”
“ไม่ต้องขอบใจหรอก ที่จบลงอย่างสวยงามได้ขนาดนี้มันก็เป็นเพราะความสามารถของพวกเธอทั้งหกคนต่างหาก.... คงเหนื่อยแย่เลยสินะ คาเมะนาชิคุง”
คาเมะค้อมกายบรรดาทีมงานอย่างนอบน้อมเพื่อแสดงความขอบคุณหลังจากที่ทัวร์คอนเสิร์ตซึ่งกินระยะเวลายาวนานกว่าสองเดือนครึ่งจบลงด้วยดี กับสต๊าฟหลายสิบชีวิตที่จะได้พบเจอทำงานร่วมกันประมาณปีละหนึ่งครั้ง ครั้นพอถึงคราวต้องแยกย้ายกันไปทำงานอื่นๆของตัวเองต่อก็อดที่จะรู้สึกเหงาขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่ามกลางบรรยากาศของความปลอดโปร่งโล่งใจยามเมื่อชิ้นผลงานชิ้นใหญ่สำเร็จลุล่วงของทีมงานหลังเวทีรอบสุดท้ายที่โตเกียวโดมจึงปะปนด้วยความเศร้าสร้อยอาลัยอาวรณ์ในคราวเกียวกัน
“เดี๋ยวจะมีปาร์ตี้เลี้ยงฉลองจบทัวร์คอนเสิร์ตที่บริษัทนะ เห็นเจ้าพวกนั้นบอกว่าสั่งของกินเตรียมเอาไว้เยอะแยะเลย เธอเองก็ต้องไปฉลองด้วยกันนะคาเมะนาชิคุง”
“ก็ต้องไปอยู่แล้วสิครับโอคุยามะซัง”
เด็กหนุ่มร่างบางตอบด้วยรอยยิ้มสดใส เพราะความเหน็ดเหนื่อยและความหิวเนื่องจากทั้งร้องทั้งเต้นแทบไม่ได้หยุดตลอดสามชั่วโมงครึ่งทำให้ร่างกายอันแสนอ่อนล้าของเขาเรียกร้องที่จะอยากได้อยากมีอาหารอร่อยๆและเครื่องดื่มเย็นๆเข้ามาหล่อเลี้ยงเติมเต็มทดแทนพลังงานที่ใช้ไปจนเกือบหมดเกลี้ยงก่อนจะกลับแมนชั่นไปอาบน้ำพักผ่อนนอนหลับให้สบายตัว ซึ่งงานเลี้ยงฉลองกับทีมงานก็เหมือนเป็นประเพณีอย่างหนึ่งที่พวกเขามีมาตั้งแต่ทัวร์คอนเสิร์ตฤดูร้อนครั้งแรกในปี2003 คาเมะจึงค่อนข้างใจจดใจจ่อรอคอยอยากให้เวลากินดื่มมาถึงเร็วๆ
“แล้วอาคานิชิคุงกับยามาชิตะคุงล่ะ จะไปด้วยกันหรือเปล่า?”
หนึ่งในสต๊าฟที่ชื่อโอคุยามะคนเดียวกับที่คาเมะเพิ่งคุยด้วยเมื่อสักครู่หันไปถามสองเพื่อนซี้ที่เพิ่งเดินออกมาจากที่พักสูบบุหรี่ ไอดอลหน้าหวานตัวเล็กเหลือบสายตามองชายคนรักและเพื่อนสนิทเพียงผิวเผินก่อนจะแสร้งทำเป็นไม่สนใจการมีตัวตนอยู่ของคนทั้งคู่แล้วเดินหนีไปสมทบกับพวกสมาชิกKAT-TUNที่เหลือซึ่งกำลังจับกลุ่มพูดคุยถึงบรรยากาศบนเวทีที่เพิ่งจบลง จินมองตามกิริยาเมินเฉยไม่น่ารักน่าเอ็นดูนั้นอยู่ครู่หนึ่งพลางตัดสินใจว่าจะเดินเข้าไปถามให้สิ้นเรื่องสิ้นราวว่าคาเมะจะเอาอย่างไรกันแน่ถึงได้อยู่ดีๆก็ทำตัวดื้อรั้นใส่เขา แต่ก็ถูกคำถามซอกแซกของโอคุยามะซังดึงตัวเอาไว้
“ท่าทางเหมือนลำบากใจแบบนี้หรือว่าแอบนัดสาวๆที่ไหนเอาไว้?”
“ก็ไม่ถึงกับเป็นนัดสำคัญอะไรหรอกครับ.... พวกผมสองคนไม่รีบ”
“ดีแล้วๆ จะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา”
ชายร่างสันทัดวัยก่อนวัยกลางคนตบบ่าของนักร้องนำรูปหล่อแห่งKAT-TUNเบาๆสอง-สามครั้งแล้วจึงเดินจากไป ปล่อยเด็กๆให้ทำธุระส่วนตัวเก็บข้าวเก็บของกันให้เรียบร้อยก่อนที่จะไปขึ้นรถตู้คันเดิมซึ่งจอดรออยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าสำหรับศิลปินและทีมงานเพื่อกลับไปเลี้ยงฉลองที่บริษัท
“คาเมะ ออกไปขึ้นรถด้วยกันสิ” ร่างบางเหลียวหันไปมองตามเสียงเรียกก็พบกับชายคนรักที่หิ้วกระเป๋าใส่สัมภาระส่วนตัวมายืนรอเพื่ออกไปขึ้นรถด้วยกัน คาเมะมองหน้าจินสลับกับยามะพีที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลก่อนจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำชักชวนของร่างหนาแล้วเกาะแขนโคคิเอาไว้แน่นราวกับจะใช้เพื่อนหัวเกรียนเป็นที่พึ่ง ในขณะที่เพื่อนร่วมวงคนที่เหลืออยู่ต่างก็อกสั่นขวัญแขวนเกรงกลัวเหลือเกินว่าโบนัสก้อนใหญ่หลังจบงานคอนเสิร์ตจะมาตกอยู่ที่ตนจึงพยายามพยักเพยิดเกลี้ยกล่อมบอกให้คาเมะยอมไปกับจินแต่โดยดีเผื่อว่าจะปรับความเข้าใจกันได้บ้าง.... เมื่อเพื่อนไม่ยอมช่วยเหลือ คาเมะก็คว้ากระเป๋าเดินเชิดหน้าออกไปข้างนอกเพียงคนเดียว ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น เพียงเท่านั้นต่อมโมโหที่จินระงับเก็บเอาไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มการแสดงก็พร้อมที่จะตื่นตัวทำงานขึ้นมาอีกครั้ง
“เลิกทำตัวแบบนี้สักทีจะได้ไหม!!??”
เสียงทุ้มห้าวตวาดอย่างเหลืออดขณะที่มือหนาก็ตรงเข้าไปคว้าท่อนแขนผอมบางของคาเมะบีบแน่น ในที่สุดขีดกำจัดความอดทนอดกลั้นของจินก็ขาดสะบั้นลงเมื่อคนรักยังคงเอาแต่เล่นแง่พูดไม่รู้ฟังอยู่เช่นนี้ นัยน์ตาสีนิลคมปลาบก้มลงจ้องมองเข้าไปภายในดวงตาเรียวรีคู่สวยอย่างเกรี้ยวกราดดุดันเพื่อกำราบนิสัยดื้อรั้นของคาเมะให้สิ้นฤทธิ์จะได้เลิกงอแงไม่เข้าท่าสักที.... หากเป็นครั้งก่อนๆ เขาอาจจะได้เห็นเด็กหนุ่มร่างบางก้มหน้างุดไม่ยอมสบตาทันทีที่เขาใช้วิธีขู่เข็ญราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่สำหรับตอนนี้คาเมะกลับจ้องตอบคนตรงหน้าอย่างไม่ยอมแพ้แล้วจึงอ้าปากโต้เถียงด้วยอารมณ์โกรธเคืองพลุ่งพล่านคุกรุ่นรุนแรงไม่แพ้กัน
“ฉันทำอะไรผิดเหรอจิน.... เท่าที่รู้ก็คือฉันไม่เคยทำอะไรให้ใครเจ็บช้ำน้ำใจสักหน่อย นายต่างหากล่ะที่เป็นคนทำ!!”
ร่างเล็กแผดเสียงเถียงกลับใส่จินไม่ลดราวาศอกก่อนที่ต่างฝ่ายจะต่างนิ่งเงียบไปชั่วครู่ในขณะที่ประกายตาแข็งกร้าวยังจ้องหน้ากันเขม็งอย่างไม่มีใครยอมใคร
สุดท้ายแล้วจินก็กระชากแขนคาเมะลากลู่ถูกังให้ไปขึ้นรถตู้แล้วบังคับเกาะกุมข้อมือบอบบางขาวจัดเอาไว้เช่นนั้นไม่ยอมปล่อยไปตลอดทางที่พวกเขานั่งรถกลับเข้าบริษัทเพื่อร่วมงานเลี้ยงฉลองหลังจบทัวร์คอนเสิร์ต ท่ามกลางเสียงพูดคุยจ้อกแจ้กของคนอื่นๆซึ่งดังก้องอยู่ภายในห้องโดยสาร หากหัวใจของอาคานิชิ จินและคาเมะนาชิ คาซึยะกลับไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีกแล้วนอกเสียจากกลุ่มก้อนเมฆหมอกสีดำทะมึนที่ล่องลอยบดบังความรักของทั้งสองไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรับรู้ได้ถึงการมีอยู่จริงของมัน
.....................
...............................
ถึงแม้ร่างกายจะอยู่แนบชิดติดกัน
ถึงแม้มือของทั้งสองจะจับเกาะกุมเอาไว้อย่างแน่นหนาจนดูเหมือนว่าไม่มีสิ่งใดบนโลกนี้สามารถแยกจินและคาเมะให้ห่างออกจากกันได้
แต่ช่องว่างระหว่างคนทั้งสองกลับถูกขวางกั้นเอาไว้ด้วยกำแพงอิฐหนาทึบซึ่งทั้งสูงทั้งชันที่เรียกว่า ‘ทิฐิ’
ทั้งที่รักกันจนแทบใจจะขาด
แต่กระนั้นความโกรธเคืองก็กลับมากมากจนมิอาจลบเลือน
......Distanceจึงเข้ามาแทนที่ความรักในหัวใจได้อย่างง่ายดาย......
+++To Be Continue On 3rd Track - Affection+++
|