|
|
สถิติผู้เข้าชม
|
ขณะนี้มีผู้เข้าใช้
|
4
|
ผู้เข้าชมในวันนี้
|
155
|
ผู้เข้าชมทั้งหมด
|
996,397
|
|
|
|
|
22 มกราคม 2564
|
อา |
จ. |
อ. |
พ. |
พฤ |
ศ. |
ส. |
| | | | |
1 |
2 |
3 |
4 |
5 |
6 |
7 |
8 |
9 |
10 |
11 |
12 |
13 |
14 |
15 |
16 |
17 |
18 |
19 |
20 |
21 |
22 |
23 |
24 |
25 |
26 |
27 |
28 |
29 |
30 |
31 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
Short Fiction & One Shot (NCT & SMRookies)
|
|
++ FRAGILE : Chapter 04 ++ (JOHNYONG , JAETEN)
[3 กรกฎาคม 2559 22:43 น.]จำนวนผู้เข้าชม 7905 คน |
|
Fragile
Chapter Four

#ฟิคเปราะบาง
แจฮยอนมักจะพูดอยู่เสมอว่าเขาเป็นพวกชอบฝืนตัวเอง แต่ความจริงแล้วแทยงก็แค่อยากทำอะไรสักอย่างเพื่อให้สมองไม่ว่างจนเผลอคิดถึงใครบางคน พอเหนื่อยมากๆ ก็จะหมดแรง พอหมดแรงแล้วก็จะหลับไปโดยที่ไม่ต้องมีเรื่องของคนๆ นั้นอยู่ในหัว....
ผ่านมาสองอาทิตย์แล้วนับจากวันนั้น เขาไม่ได้คุยกับยองโฮอีกเลยแม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามส่งสายตาเป็นเชิงขอโทษมาให้หลายครั้ง
ถ้าถามว่าชินหรือยัง.... ก็คงตอบได้แค่ว่า ‘ไม่’
ถึงก่อนหน้านี้แทยงจะเคยถูกทิ้งขว้าง ถูกไม่ใยดี ถูกทำเหมือนเป็นของตาย แต่เขาก็อยู่ต่อไปได้โดยตั้งความหวังว่าวันพรุ่งนี้ยองโฮก็จะมาหา อีกเดี๋ยวยองโฮก็จะกลับมากอดเขา กุมมือเขาเอาไว้ เราจูบกันอยู่อย่างนั้นจนลืมเวลา แล้วยองโฮก็จะกระซิบบอกว่ารักเขามากแค่ไหน
สุดท้ายมันก็แค่ฝันลมๆ แล้งๆ
แต่เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาเจอกับชีวิตที่ไม่มี ซอ ยองโฮ เขาก็ยังทำใจให้เคยชินกับมันไม่ได้สักที....
แทยงปิดสวิตช์ไฟในห้องสตูดิโอที่ใช้ฝึกซ้อมเป็นประจำ วันนี้เขาก็อยู่เป็นคนสุดท้ายอีกแล้ว แจฮยอนมีธุระก็เลยกลับไปก่อนสักยี่สิบนาทีได้.... ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาก็คงรีบกลับพร้อมน้องเพราะไม่อยากอยู่ในนี้คนเดียว เคยมีเรื่องไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา ตั้งแต่นั้น ยองโฮก็เลยอาสาอยู่เป็นเพื่อน รอจนกว่าเขาจะซ้อมเสร็จและเดินกลับหอพักพร้อมกันทุกวัน
แต่หลังจากที่มีเตนล์แทรกเข้ามา ยองโฮก็ไม่เคยอยู่รอเขาอีกเลย.... อย่างมากก็แค่เจอกันหน้าตึกข้างล่างซึ่งก็นานๆ ครั้ง แทยงจึงต้องเรียนรู้ที่จะเข้มแข็งขึ้นและพยายามอยู่ให้ได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งคนมีเจ้าของอย่างยองโฮ
มันยาก.....ยากจนไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้......
ทั้งๆ ที่ตกลงปลงใจว่าควรจะเลิกได้แล้ว เขาก็ยังได้ยินเสียงของผู้ชายใจร้ายคนนั้นลอยอยู่ในห้วงความคิดตลอดเวลา
บ้าเสียยิ่งกว่าบ้า.......
“แทยง........”
เสียงเรียกอันแสนคุ้นเคยดังขึ้นในตอนที่แทยงเดินมาหยิบกระเป๋าเตรียมตัวจะกลับหอพัก เงาร่างสูงใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ ไฟดาวน์ไลท์ที่ปิดมืดทำให้เขามองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ถนัด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเดา.... แทยงจำได้ตั้งแต่วินาทีแรกแล้วว่าคนที่อยู่ห่างไปไม่กี่เมตรนั้นคือยองโฮ
เห็น.... แต่ไม่อยากเดินเข้าไปหาเพราะกลัวจะถอนสายตากลับมาไม่ได้
ได้ยิน.... แต่ไม่อยากขานตอบเพราะกลัวจะทนแข็งใจต่อไปไม่ไหว
“เราสองคนไม่ได้คุยกันเกือบครึ่งเดือนแล้วนะ.......” น้ำเสียงเศร้าคล้ายจะตัดพ้อพาลให้หัวใจคนฟังกระตุกวูบ ทว่า สิ่งเดียวที่แทยงควรทำในตอนนี้ก็คือปกป้องตัวเองจากความเจ็บปวดให้มากที่สุด
“เตนล์กลับไปได้สักพักแล้ว แต่อาจจะยังอยู่ในห้องอาบน้ำ” เขาตอบกลับอย่างเย็นชา เบือนหน้าหลบไม่ยอมมองอีกฝ่ายพลางเดินเลี่ยงออกไปให้ถึงประตู แต่ก็เป็นอย่างที่กลัวมาตลอดว่ายองโฮคงไม่ยอมปล่อยเขาง่ายๆ
“ฉันไม่ได้มาหานายเพราะอยากคุยเรื่องเตนล์” มือใหญ่คว้าต้นแขนของแทยงเอาไว้ เสียงทุ้มสั่นพร่าเหมือนกำลังกักเก็บความรู้สึกบางอย่าง หากสุดท้ายความพยายามนั้นก็สูญเปล่า เขาถึงต้องกลับมาอยู่ที่เดิมและวนเวียนอยู่กับความโหยหาซึ่งไม่มีวันจบสิ้น “ฉันคิดถึงนาย.... อยากเจอนายมากนะ แทยง.......”
“ก็ได้เจอแล้วนี่ งั้นนายก็ควรพอใจแค่นี้”
“แทยง.....ขอร้องล่ะ.......”
“อย่ามาขอร้อง ฉันไม่มีอะไรจะให้นายทั้งนั้น!”
“หยุดพูดแบบนั้นสักทีได้ไหม!?”
แรงบีบที่ต้นแขนหนักขึ้นจนแทยงนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ยองโฮกระชากร่างบางหมายจะรวบตัวเข้ามากอด แต่แทยงไม่ยอมอยู่นิ่งให้เขาบังคับหักหาญเอาได้ตามใจเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว.... ยิ่งถูกใช้กำลังก็ยิ่งต่อต้าน แทยงพยายามขืนตัวเองเอาไว้สุดแรงไม่ยอมให้ยองโฮรังแก สะบัดฟัดเหวี่ยงหวังจะหลุดพ้นจากการตกเป็นเบี้ยล่าง ฝ่ายหนึ่งกระชากออก อีกฝ่ายหนึ่งก็ดึงกลับ ยื้อยุดกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใครก่อนจะเสียหลักล้มลงบนพื้นทั้งคู่
“ปล่อยนะ ยองโฮ!!”
สองมือของยองโฮกดข้อมือแทยงให้แนบติดพื้น ร่างหนาขึ้นคร่อมปิดทางหนีไม่ให้คนตัวเล็กกว่าขยับเขยื้อนไปไหนได้อีก.... นัยน์ตาคมสบมองลูกแก้วใสสีเปลือกไม้ไหวระริกอยู่ในความมืด ไม่มีคำพูดต่อจากนั้น มีเพียงเสียงลมหายใจและห้วงอารมณ์อันเชี่ยวกรากซัดสาดเข้าใส่กัน ทั้งๆ ที่เคยรักยองโฮจนหมดหัวใจ แต่ในตอนนี้แทยงกลับอยากให้ความรักเพ้อเจ้อของเขาแตกสลายไปเสีย
ดีกว่าให้มันยังคงอยู่ในสภาพที่ร้าวเกินเยียวยา....
“ถ้าทำอย่างนี้แล้วนายจะสบายใจขึ้นก็เอาเลย......”
แทยงกลั้นใจพูดออกมา ในที่สุดก็เหมือนกับที่เคยเป็นมาตลอด ยองโฮจะมาหาเขาก็แค่ในเวลาที่ต้องการเรื่องอย่างว่า คำหวานคำรักราคาถูกที่มีให้ก็ไม่ต่างอะไรกับของที่เอามาจ่ายค่าตัว และที่มาคราวนี้ก็แค่หาที่ระบายความใคร่เหมือนเคย
“ทำสิ ยองโฮ.... ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะเจ็บหรอก! ยังไงซะที่ผ่านมาฉันก็เจ็บเพราะความเห็นแก่ตัวของนายไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว!”
สิ้นเสียงตะโกน แรงกดบริเวณข้อมือก็ผ่อนลงแปรเปลี่ยนเป็นแค่จับเอาไว้ราวกับกลัวว่าคนตรงหน้าจะเลือนหายไป ยองโฮซุกหน้าลงตรงซอกคอของแทยงแล้วนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ร่างสูงใหญ่สั่นเทิ้มเหมือนสุดที่จะอดกลั้น เพราะข้างในใจของเขามันแตกร่อนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยโดยที่ไม่มีใครมองเห็น
แม้แต่แทยงก็อาจไม่เคยสังเกตเลยด้วยซ้ำ....
“ฉันรู้.......” ผ่านไปหลายนาทีกว่าที่ยองโฮจะรวบรวมความกล้าเอ่ยออกมาบ้าง “ถึงอยากจะขอโทษตอนนี้มันก็คงสายไปแล้วใช่ไหม?”
“ใช่”
“ถ้าอย่างนั้น.......ขอครั้งนี้อีกแค่ครั้งเดียว ให้ฉันกอดนายแบบนี้อีกสักพักเถอะนะ?”
มันไม่ใช่การบังคับเอาให้ได้ดั่งใจเช่นที่ผ่านมา หากมันคือการอ้อนวอนจากผู้ชายที่ไม่เหลือแม้กระทั่งศักดิ์ศรีของตนเอง.... ยองโฮรู้ดีว่ามันน่าสมเพชแค่ไหน เคยทำร้ายแทยงนับครั้งไม่ถ้วน เคยทำให้แทยงเสียน้ำตากี่สิบกี่ร้อยหน แต่กลับต้องร้องขอความเห็นใจทั้งๆ ที่ตัวเองไม่คู่ควรจะมาอยู่ตรงนี้เลยสักนิด
แทยงนอนนิ่งรู้สึกได้ถึงความชื้นที่ค่อยๆ แผ่เป็นวงกว้างบริเวณหัวไหล่ ร่างเล็กเม้มปากแน่นพยายามกลืนก้อนเหนียวขมปร่าลงลำคอไป.... ยองโฮผละออกห่างจากคนเบื้องล่างเล็กน้อยก่อนจะประคองให้เขาลุกขึ้นนั่ง แสงสว่างจากนอกระเบียงสะท้อนคราบน้ำตาบนใบหน้าของคนใจร้าย....
คนใจร้ายคนเดิมที่ตอนนี้กำลังเลื่อนฝ่ามือลูบแก้ม ลูบผมของแทยงอย่างอ่อนโยนเสมือนว่าต้องการจะจดจำทุกรายละเอียดให้ได้มากที่สุด เพราะคงไม่มีโอกาสได้ทำแบบนี้อีกแล้ว....
“ครั้งแรกที่เราเจอกัน เป็นวันแรกที่ฉันกลับมาจากชิคาโก นายนั่งกินข้าวอยู่ในคนเดียวที่หอ ฉันเป็นฝ่ายเดินเข้าไปทักก่อน ขอนายนั่งด้วยคน แล้วหลังจากนั้นเราสองคนก็นั่งด้วยกันทุกวัน......”
เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบแผ่วเบา หน่วยตาคมซึ่งยังคงมีหยาดน้ำเอ่อคลอจับจ้องภาพของร่างตรงหน้าไม่เว้นวาง
“สองปีนี่มันเร็วมากเลยนะ สำหรับฉันแล้ว ความทรงจำในวันนั้นมันยังชัดเจนอย่างกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานแน่ะ”
ข้างในอกเหมือนมีก้อนหินทับถมจนหนักอึ้ง แทยงรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกในขณะที่ยองโฮกุมมือของเขาเอาไว้แล้ววางลงตรงตำแหน่งหัวใจ.... และพูดในสิ่งที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน........
“อาจฟังดูแปลกๆ นะที่มาสารภาพเอาตอนนี้.... แต่ฉันคิดว่านายคือรักแรกพบของฉันล่ะ แทยง....... นายตัวเล็กนิดเดียว ยิ่งใส่ชุดนักเรียนก็ยิ่งดูบอบบางน่าทะนุถนอมเข้าไปใหญ่ ถึงใครจะชอบพูดว่านายหยิ่ง นิสัยไม่ดี ไม่น่าคบยังไง แต่สำหรับฉัน แทยงก็ยังน่ารักที่สุดอยู่ดี......จนทุกวันนี้ก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใครน่ารักกว่านายอีกแล้ว”
หัวสมองของแทยงเถียงกลับทันทีว่าคนที่น่ารักกว่าเขาก็คือเตนล์ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงคิดว่ายองโฮก็แค่โกหกเอาใจเขาไปวันหนึ่งๆ ทว่า ประโยคต่อมาก็ทำเอาความคิดนั้นสับสนสั่นคลอนจนไม่รู้ว่าควรจะเชื่อสิ่งที่ตัวเองเคยรับรู้ หรือจะเชื่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน
“ฉันทำให้นายเสียใจ ฉันเองก็เสียใจเหมือนกัน........” ชายหนุ่มเว้นจังหวะเพื่อไล่ก้อนสะอื้นที่ดันตัวขึ้นมากลับลงไป “ฉันคิดมาตลอดว่าต้องทำยังไง นายถึงจะเสียใจน้อยที่สุด......แต่ยิ่งนานเท่าไร ยิ่งเราผูกพันกันมากขึ้นเท่าไร ยิ่งฉันรักนายมากขึ้นเท่าไร นายก็ยิ่งเจ็บมากเท่านั้น.....จนมันมาถึงจุดที่ฉันคิดว่าคงฝืนความรู้สึกตัวเองต่อไปไม่ไหวแล้วล่ะ”
“ยองโฮ........” แทยงรู้สึกเหมือนกำลังจะตายเสียให้ได้ ยองโฮที่เขารู้จักเป็นเสมือนดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้า ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะหม่นแสง และแข็งแกร่งเกินกว่าจะกลายมาเป็นฝ่ายมอดไหม้เสียเอง
ริมฝีปากหยักได้รูปประทับจูบลงบนหน้าผากเนียน แรงหน่วงจากภายในส่งผลให้ร่างสูงกระตุกไหวไปตามเสียงสะอื้น น้ำตาของยองโฮไหลลงมาจนถึงปลายคางสัมผัสถูกผิวแก้มของแทยง.... แววตาแสนเศร้าฉายภาพใบหน้าคนที่ตนเองรักจนสุดหัวใจ ยอมทนกล้ำกลืนความทรมานทุกอย่างเพียงลำพัง แต่ในเมื่อสิ่งที่เขาทำมาตลอดต้องจบลงอย่างสูญเปล่า อย่างน้อยก็ขอให้เขาได้มีตัวตนอยู่ในความทรงจำของอีกฝ่ายบ้างก็พอใจแล้ว
แม้ว่ามันอาจจะเป็นความทรงจำที่เลวร้ายที่สุดสำหรับแทยงก็ตาม....
“แค่อยากให้นายรู้เอาไว้ว่าที่ฉันเคยบอกว่ารัก ฉันไม่ได้โกหกนายเลยนะ แทยง.... จนถึงเวลานี้ มันก็ยังเป็นความจริงอยู่.........”
“ฉันรักแทยงมากนะ......รักแค่นายคนเดียวจริงๆ.......”
“พอแล้ว ยองโฮ.....”
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่แทยงร้องไห้ตามคนตรงหน้า รู้เพียงแค่ว่าคำบอกรักที่ได้ยินมันไม่ต่างอะไรกับเอามีดมาเฉือนเนื้อแล้วโยนทิ้ง.... ไม่เคยมาในวันที่เฝ้ารอ แต่กลับมาในวันที่ทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างพวกเขาแตกสลายไปหมดแล้ว
“อย่ามาบอกว่ารักฉัน.....การกระทำของนายมันตรงกันข้าม อย่ามาทำตัวเหมือนตัวเองเป็นคนดีหน่อยเลย......จะไปไหนก็ไป..... ไปอยู่กับคนที่เขารับคนเห็นแก่ตัวอย่างนายได้เถอะ”
แทยงพยายามคิดว่ามันก็เป็นแค่เรื่องตลกของซอ ยองโฮ มีไว้เพื่อหลอกให้เขาตายใจยอมมีเซ็กซ์ด้วยเหมือนที่ผ่านมา.... แต่คำสารภาพพวกนั้นล่ะ? น้ำตาก็ด้วย? ไหนจะหัวใจของเขาซึ่งหลงเชื่อไปแล้วว่ามันคือความจริงอีกล่ะ?
“แทยงอา........”
“พอสักทีเถอะ.....ฮึก......ฉันไม่อยากฟังแล้ว........”
“ฉันคงทำให้นายเสียใจอีกแล้วใช่ไหม?”
“ใช่.....เพราะฉะนั้น....ฮึก.......หยุดสักที.......พอได้แล้ว........”
.
.
นั่นสินะ มาบอกอะไรเอาตอนที่เขาไม่อยากได้ยินมันแล้ว....?
‘หัวใจสลาย’ คงเป็นคำๆ เดียวที่สามารถอธิบายความรู้สึกของยองโฮได้ในขณะนี้
แต่มันเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่จะได้กอดคนๆ นี้
เป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็น ลี แทยง ใกล้ๆ ก่อนที่พรุ่งนี้เราสองคนอาจเหมือนเดินบนเส้นขนานคนละเส้นที่ไม่มีวันหวนกลับมาบรรจบกันได้อีก
มันคือบทลงโทษจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด
และเป็นความผิดของเขาเองที่ปกป้องแทยงเอาไว้ไม่ได้
.
.
เป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ.......
.
.
“ขอให้ฉันเห็นแก่ตัวต่อไปอีกสักนิดจะได้ไหม..... สัญญาว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ทำให้นายเจ็บ......?”
.
.
เขาไม่แน่ใจว่าแทยงตอบกลับมาว่าอย่างไร แต่ถึงอย่างนั้น ยองโฮก็ยังทาบริมฝีปากลงบนความนุ่มหยุ่นของอีกฝ่าย ส่งผ่านความรู้สึกรัก ขอโทษ เสียใจ สำนึกผิดซึ่งสับสนปนเปกันอยู่ในห้วงความคิดไปให้
ปลายลิ้นไล้เล็มเพียงแผ่วผ่านแค่ภายนอกก่อนจะค่อยๆ สอดล้ำเข้ามา ฝ่ามือหนาไล้ไปตามเค้าโครงใบหน้าสวยที่เขาเคยทั้งรักทั้งหลง ทั้งดวงตากลมโตสีอำพัน จมูกโด่งสวยรับกับกลีบปากบางสีสดหวานฉ่ำราวกับผลไม้รสเลิศ ผิวเนื้อนุ่มลื่นขาวละเอียดไร้ร่องรอยตำหนิปลุกเร้าความปรารถนาได้ทุกครั้งที่ชายหนุ่มนึกอยากลิ้มลอง ทุกตารางนิ้วของร่างกายนี้เคยเป็นของเขาอย่างไร ในวันนี้มันก็ยังคงสภาพภาพเดิมอยู่เช่นนั้น
แต่ทว่า มันก็เป็นแค่การยืมความสุขของวันพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไปมาใช้ เพราะในอนาคตเขาคงไม่มีแทยงอยู่เคียงข้างอีกแล้ว และพอถึงตอนนั้น ชีวิตของยองโฮก็จะไม่ได้พบกับคำว่าความสุขอีก....
“อ๊ะ!!!!”
แทยงเผลอสะดุ้งน้อยๆเมื่อแผ่นหลังเนียนแตะโดนพื้นเย็นเฉียบ เสื้อผ้าของเขาถูกคนตรงหน้าถอดออกจนเปลือยเปล่า.... ท่ามกลางความมืดภายในห้องสตูดิโอที่ไม่มีใครอื่น ร่างเล็กเห็นเงาตัวเองสะท้อนอยู่ในนัยน์ตาของอีกฝ่าย.......เช่นเดียวกับเมื่อสองปีที่แล้ว......สายตาที่บ่งบอกถึงความต้องการ........สายตาที่บอกถึงความผูกพัน........
สายตาที่บอกว่า ‘จากนี้ไป ฉันจะมีเพียงแค่นายคนเดียว’
“อะ...ยะ....ยองโฮ......อื้อ!”
สัมผัสอุ่นร้อนจัดจากริมฝีปากแสนซุกซนพร่างพรมไปทั่วแผ่นอกเนียนเรียบ ฝ่ามือหยาบลูบโลมไปทั่วเรือนกายอ้อนแอ้นแต่แสนเย้ายวนอย่างยากจะหาใครเทียบ.... เม็ดเชอรี่สีสวยที่ลอยเด่นอวดโฉมแข็งตึงราวกับจะเรียกร้องให้อีกฝ่ายแตะต้องโดยเร็ว ซึ่งชายหนุ่มก็ตามเข้าไปครอบครองด้วยปากและลิ้นอย่างคุ้นเคย
“อืม............”
ทั้งสองแลกจูบกันอีกครั้ง คนตัวเล็กซึ่งนอนราบกับพื้นกระจกถูกครอบครองโดยคนตัวโตกว่าที่ทำเหมือนจะกักขังเขาเอาไว้ด้วยอ้อมกอดและรสรักที่เร่าร้อนรุนแรง.... ยองโฮเบียดเข้าหาร่างขาวจัดของแทยง หน้าท้องแกร่งเสียดสีส่วนกลางลำตัวซึ่งแข็งชันเพราะถูกปลุกเร้ามาได้พักใหญ่
“อ๊ะ.......ยองโฮ........ฉะ....ฉัน.......”
เสียงหวานใสติดสำเนียงกระเส่า เรียวขางามแยกออกกว้างเพื่อเปิดทางให้อีกฝ่ายบดเบียดเข้าหาตนเองได้แนบสนิทกว่านี้.... ช่างเป็นการถูกไล่ต้อนทางร่างกายที่มีความสุขเหลือเกิน แทยงยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอร่างด้านบนพลางส่งเสียงร้องขาดห้วง
“ยะ.....ยองโฮ.........ได้โปรด........อา.......” หน่วยตาเรียวฉ่ำเยิ้มพร่ามัวตามแรงอารมณ์ที่พุ่งทะยาน เด็กหนุ่มร่ำร้องอย่างลืมอายเมื่อเขามิอาจต้านทานแรงกระทำของคนตรงหน้าได้ไหว
แทยงร้องประท้วงทันทีที่ยองโฮใช้มือกำรอบส่วนอ่อนไหวของเขาแล้วรูดขึ้นลงตามความยาว ร่างเล็กเม้มริมฝีปากแน่นพร้อมกับบิดกายเร่าด้วยความทรมานเมื่ออีกฝ่ายจงใจใช้นิ้วสะกิดแหย่ตรงยอดปลาย.... เสียงแหบหวานยิ่งดังระงมเมื่อมือหนาเริ่มเร่งจังหวะปลุกเร้าแกนกายที่กักเก็บอารมณ์กระสันเอาไว้จนแทบปริ่มล้น สะโพกอวบขยับโยกตอบรับสัมผัสเบื้องหน้าอย่างเต็มใจ ช้าบ้าง เร็วบ้าง ขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายจะกลั่นแกล้งเขาให้ขาดใจตายอย่างไร
ยองโฮจัดการพลิกร่างบางให้ขึ้นมานั่งคร่อมอยู่บนตักกว้างโดยหันหน้าเข้าหากัน แก้มก้นอวบขาวซ้อนทับเหนือท่อนเนื้อของเขาพอดิบพอดี.... เหมือนว่าต่างฝ่ายต่างรู้หน้าที่ของตนเองดี แทยงขยับกายให้เนื้อนุ่มถูไถส่วนกลางลำตัวของร่างสูงบ้าง ในขณะที่แกนกายเล็กของเขาก็เสียดสีกับหน้าท้องของอีกฝ่าย
“แทยงอา......นายน่ารักที่สุดเลย....รู้ไหม?”
“มะ.....ไม่รู้หรอก........อ๊ะ!”
แทยงเลี่ยงไม่กล้าสบตากับยองโฮเพราะกลัวคนตรงหน้าจะเห็นความปรารถนาซึ่งฉายชัดผ่านทางแววตา.... เรือนร่างอ้อนแอ้นเคลื่อนไหวอยู่บนร่างของชายหนุ่ม ห้วงอารมณ์ของทั้งคู่ยิ่งเตลิดไปไกลเมื่อความแข็งขืนของยองโฮกำลังดุนดันชนกับปากทางเข้าก่อนจะล่วงล้ำเข้าไปจนสุดทาง ทำเอาร่างเล็กสะดุ้งเป็นระยะ เกร็งมือจิกปลายเท้าพยายามบังคับตัวเองไม่ให้เสร็จเร็วจนเกินไป
“เก่งมาก....อืม.....แทยง.......อย่างนั้นแหละ.......”
ยองโฮครางเสียงต่ำอย่างพึงใจ ท่อนเนื้อสีสดที่กระทบถูหน้าท้องแกร่งถูกฝ่ามืออุ่นตรงเข้าครอบครองอีกครั้ง แต่หนนี้ไม่มีจังหวะผ่อนหนักผ่อนเบาอีกแล้ว ชายหนุ่มเร่งจังหวะปรนเปรอรูดรั้งเข้าออกแรงๆเหมือนจะแกล้งให้ร่างเล็กคลั่งตายคาอก.... เอวบางบิดเร่าขยับโยกขึ้นลงตอบรับจากสอดแทรกทางด้านหลัง ในขณะที่ถูกมือใหญ่สาวรูดส่วนหน้าไม่ยอมหยุด แค่เพียงไม่กี่อึดใจ คนตัวเล็กก็พ่ายแพ้ ผวาเข้ากอดเขาแน่นแล้วปลดปล่อยน้ำรักออกมากระเซ็นเลอะเต็มทั้งฝ่ามือและหน้าท้องของเขา
“อ๊า...........!!!!”
สะโพกอวบยังคงสั่นระริกด้วยความเสียวซ่าน ท่อนแขนท่อนขาเหยียดเกร็งในยามที่เจ้าตัวปล่อยให้คลื่นแห่งความกระสันแล่นพล่านตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า....
ยองโฮดันร่างบอบบางให้นอนลงบนพื้นอีกครั้ง ร่างหนากวาดปลายนิ้วเก็บคราบน้ำรักของแทยงที่ยังเหลืออยู่บนหน้าท้องของเขา มืออีกข้างหนึ่งลูบไล้ซอกขา พลางก้มหน้าลงขบเม้มผิวเนื้ออ่อนดูดดึงรอบๆบริเวณส่วนกลางลำตัว แล้วจึงแหวกก้อนเนื้อด้านหลังทั้งสองข้างพลางไล้นิ้วเรียวไปมาตรงปากทางที่หดเกร็งเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามากระทบ
“อ๊ะ.......อื้อ...........!!!”
“ผ่อนคลายตรงนี้หน่อย แทยง.... อีกแปบเดียวมันก็จะจบแล้วนะ ฉันสัญญา”
ชายหนุ่มอาศัยความลื่นเหนียวจากน้ำรักของแทยงแทรกนิ้วแรกเข้าไป แม้จะไม่ยากนักแต่ก็ไม่ง่ายเสียทีเดียวเมื่อคนสวยเสียวซ่านจนเกร็งแข็งไปหมดทุกส่วน.... นิ้วเรียวยาวกวาดควานวนอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งช่องทางเข้าหลวมพอที่จะเติมเต็มนิ้วที่สองและสามเข้าไปเพิ่มได้อีก
“ยองโฮ.....พะ....พอแล้ว......ฉัน....ไม่ไหว........”
แทยงยังคงครางกระเส่าไม่หยุดในขณะที่ร่างสูงใช้นิ้วทั้งสามหมุนวนไปมาในช่องรัก ผนังนุ่มหยุ่นที่บีบรัดเข้ามากับติ่งไตเล็กๆที่ทำให้เด็กหนุ่มร้องลั่นได้ทุกครั้งที่เขาแกล้งบดขยี้ให้ขาดใจ
เมื่อร่างกายของแทยงดูเหมือนว่าจะพร้อม ชายหนุ่มจึงถอนนิ้วออกแล้วยกขาเรียวทั้งสองข้างขึ้นพาดบ่ากว้าง ปากทางที่เขาเพิ่งละนิ้วออกมาเต้นตุบๆราวกับจะเรียกร้องหาสิ่งที่ใหญ่กว่า.... นัยน์ตาสวยหรี่ปรือหยาดเยิ้มไปด้วยแรงอารมณ์ จนยองโฮต้องก้มลงไปจูบริมฝีปากที่เผยอราวกับจะเย้ายวนนั้นอีกครั้ง
“อืม.........อ๊า.............”
ทันทีที่ส่วนกลางลำตัวของยองโฮแทรกเข้าไปภายในช่องทาง แทยงก็ปล่อยเสียงร้องออกมา เรียวขาเล็กพยายามอ้ากว้างมากขึ้นอีกหมายจะให้อีกฝ่ายรุกล้ำเข้าไปง่ายขึ้น แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ยิ่งถูกสอดใส่ลึกขึ้นเท่าไรก็ยิ่งเสียวกระสัน พอยิ่งเสียวก็ยิ่งรัดปากทางแน่น
“...อื้อ....ยองโฮ.......เบาๆ หน่อยสิ......”
แรงบีบรัดจากผนังนุ่มที่โอบล้อมความเป็นชายของร่างสูงทำให้รู้สึกดีจนแทบคลั่ง เมื่อสามารถดันแกนกายเข้ามาได้จนมิดถึงโคน ยองโฮก็เริ่มโหมกายสวนกระทั้นเข้าออกใส่ช่องทางของแทยงอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะเห็นใจที่คนตัวเล็กยังเม้มปากหลับตาแน่นพยายามปรับสภาพร่างกายให้รองรับขนาดของเขา
แทยงสูดลมหายใจลึกเพื่อผ่อนคลาย หากกลับไม่สามารถบังคับช่องทางของตนเองไม่ให้ขมิบเกร็งโอบรัดรอบสิ่งแปลกปลอมที่สอดใส่เข้ามาได้ เมื่อความอุ่นร้อนผสานกับความตึงแน่นจนกลายเป็นการตอดรัดอย่างไม่ตั้งใจ ยิ่งโหมเชื้อไฟให้เลือดในกายชายหนุ่มร้อนระอุจนข่มระงับความปรารถนาไม่ไหวอีกต่อไป
“อะ.......อ๊า.......ยะ...ยองโฮ......อ๊า.........”
“แทยง.....อืม......อีกนิดนะครับ คนดี.......”
เสียงครางจากคนทั้งสองสอดประสานดังก้องไปทั่วสตูดิโอซึ่งถูกความมืดปกคลุม ยองโฮกระแทกเอวหนาสอดใส่คนน่ารักของเขาอย่างไม่ออมแรง
แกนกายอูมเล็กสีสดถูกร่างสูงเค้นคลึงปรนเปรอให้พร้อมกับจังหวะสอดแทรกต่อเนื่องทางด้านหลัง กายบางบิดเร่าอย่างสุขสม ท่อนแขนบางโอบกอดร่างด้านบนเอาไว้เหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีหายไปเฉกเช่นภาพในความฝัน
ทั้งๆ ที่อุตส่าห์ตัดใจแล้วแต่ก็ยังกลัวว่ายองโฮจะทิ้งเขาไปมีคนอื่นอีก....
ทั้งๆ ที่อุตส่าห์ตัดใจแล้วแต่ก็ยังกลัวว่าพอพรุ่งนี้เช้ามาถึง ยองโฮก็จะทำเป็นไม่รักเขาเหมือนเดิม....
“อ๊……อื้อ.......ยองโฮ....อย่าไปนะ.....อย่าทิ้งฉัน.....…...”
“ฉันอยู่นี่…...แทยง........”
มือหนายังคงรูดแกนกายของแทยงอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ในขณะที่ท่อนเนื้ออวบยาวก็สวนเข้าออกภายในตัวเด็กหนุ่มถี่กระชั้นจนแทบลืมหายใจ ทั้งสุขสมและเสียวซ่านจนร้องครางแทบไม่เป็นภาษา.... เรียวขาขาวเกี่ยวกระหวัดรอบเอวหนาเพื่อให้ชายหนุ่มโหมกระทั้นสอดใส่ได้ลึกขึ้นอีก ร่างกายของคนทั้งสองกำลังหลอมรวมเป็นหนึ่งด้วยบทรักร้อนแรง ส่วนกลางลำตัวเชื่อมต่อแนบชิดเข้าหากันซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่หยุดหย่อน
“อ๊า……ยองโฮ……อื้อ……อ๊า……!!!!”
แทยงครางกระเส่าลั่นก่อนจะรับรู้ได้ถึงของเหลวอุ่นร้อนที่ยองโฮปลดปล่อยเข้ามาภายในช่องทางของเขา ทว่า การเคลื่อนไหวเบื้องหลังกลับไม่หยุดลงเพียงแค่นั้น ร่างสูงล็อกสะโพกอวดอัดเอาไว้แล้วระดมสอดใส่ถี่ยิบ จนกระทั่งร่างเล็กกระตุกเกร็งแรงๆแล้วฉีดพุ่งของเหลวสีขาวขุ่นออกมาเป็นหนที่สอง
.
.
ยองโฮควานหาเสื้อวอร์มตัวใหญ่จากในกระเป๋าออกมาห่มให้แทยง ก่อนจะดึงเอาคนตัวเล็กขึ้นมานอนหนุนหัวไหล่ตนเองแล้วกอดเอาไว้... หากดูเผินๆ อาจคิดว่าเจ้าตัวคงหลับไปแล้ว เพียงแต่ถ้าจะสังเกตให้ดี กลีบปากอิ่มขบเม้มกลั้นเสียงบางอย่างไม่ให้หลุดรอดออกมา มือเรียวจิกเกร็งกำอกเสื้อยืดของคนตรงหน้า แผ่นหลังบอบบางกระเพื่อมไหวไม่เป็นจังหวะจากอาการหอบเหนื่อยและแรงสะอื้นเบาๆซึ่งไม่อาจระงับได้
“มันจบแล้วล่ะ.... ทั้งเรื่องของเรา แล้วก็ทุกๆ อย่าง” ยองโฮพูดพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เขาจูบซับน้ำตาที่เปรอะเปื้อนผิวแก้วเนียนละเอียดด้วยความอาลัยอาวรณ์ “ฉันจะไม่มาให้เห็น ไม่มารบกวน จะไม่ทำอะไรที่ทำให้นายต้องเป็นทุกข์อีกแล้ว.... ไม่ต้องห่วงนะ......”
“นายจะไปไหน?”
“ก็ไม่ใกล้ไม่ไกลหรอก แค่กลับไปอยู่ในที่ที่ฉันสมควรอยู่.... ที่ที่ช่วยให้นายไม่รู้สึกเจ็บปวดใจเพราะต้องทนเห็นหน้าฉันทุกวัน แต่ฉันยังสามารถรับรู้ทุกเรื่องราวที่เกี่ยวกับนายได้.....” ชายหนุ่มยังคงฝืนยิ้ม เขาเลื่อนปลายนิ้วไปตามไรผมสีน้ำตาลเข้มชื้นเหงื่อ “ฟังดูแย่นะ แต่ฉันตัดนายไม่ขาดจริงๆ แทยง”
“ถ้าตัดไม่ขาดก็ไม่ต้องไปสิ.....” แทยงเอ่ยทั้งน้ำตา ก่อนหน้านี้เขาคิดเพียงแค่อยากบอกเลิก อยากเอาตัวเองออกไปจากวงจรแห่งความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่ได้คิดถึงขนาดว่าอยากจะให้ยองโฮหายไป “นายก็อยู่ส่วนของนายไป แค่เราหยุดเรื่องพวกนี้.....นายเองก็มีคนอื่นที่รักมากกว่าฉันอยู่แล้วนี่.......”
“เมื่อกี้ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันรักนายคนเดียว”
ข้างในท้องของแทยงวูบโหวง รู้สึกเหมือนชิ้นส่วนเปลือกหุ้มหัวใจแตกออกอีกชิ้น เขาสะอื้นจนตัวโยนอยู่อ้อมแขนของยองโฮ.... ม่านน้ำไหลล้นจนสายตาพร่าเลือนและเบลอเกินกว่าจะมองภาพตรงหน้าได้ชัด หัวสมองที่แสนสับสนมีเพียงสิ่งเดียวที่ทะลุผ่านประสาทส่วนการรับรู้เข้ามา
‘ยองโฮรักเขา แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เราสองคนไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้อีกแล้ว....’
“จับให้แม่งอยู่นิ่งๆ ดิวะ.... ตัวเท่าลูกหมาแต่แรงเยอะฉิบหาย!”
เหมือนตกอยู่ในดงไฮยีน่า เมื่อจ่าฝูงออกคำสั่ง พวกลิ่วล้อไร้สมองแต่ป่าเถื่อนหยาบคายก็กรูกันเข้ามาจับลูกแกะพลัดถิ่นขึงพรืดลงบนพื้น.... คนหนึ่งล็อกแขนให้อยู่นิ่ง อีกคนช่วยกดขาไม่ให้เขาออกฤทธิ์ถีบใครหงายท้องได้ นัยน์ตาเรียวจ้องมองรุ่นพี่หมาหมู่อย่างโกรธแค้น ต่อให้สู้ไม่ได้แต่ก็ยังพยายามดิ้นรนสุดชีวิต
“ปล่อยนะโว้ย!! ไอ้พวกชั่ว กูบอกให้ปล่อยไง!!!”
“สัส แหกปากเข้าไปสิ!”
หนึ่งในนั้นหงุดหงิดที่เตนล์เอาแต่ร้องตะโกนด่าไม่หยุด มือใหญ่เงื้อขึ้นสูงเตรียมจะฟาดลงมาดับเสียงน่ารำคาญ แต่ชเวจินซอกซึ่งเป็นหัวโจก อายุมากสุด และถูกค่ายดองนานที่สุดก็ห้ามเอาไว้เสียก่อน
“เฮ้ย.... อย่ายุ่งกับหน้ามัน เดี๋ยวเป็นแผลขึ้นมาแล้วพวกเราจะซวยกันหมด”
“อึก.......อื้อ.......!!!!!”
เสื้อยืดตัวบางถูกฉีกกระชากจนขาดวิ่นก่อนที่คนสารเลวจะขมวดมันเป็นก้อนแล้วยัดเข้ามาในปาก เตนล์แทบสำลักเพราะหายใจไม่ออก เสียงร้องซึ่งเคยดังแสบแก้วหูชนิดที่คนผ่านไปผ่านมาต้องได้ยินเหลือเพียงแค่เสียงอู้อี้น่าสมเพชในลำคอ
อาการจุกเพราะโดนต่อยท้องสองครั้งรวดยังคงไม่จางหาย แขนขาถูกตรึงจนหมดสิ้นอิสรภาพในการดิ้นรน สิ่งเดียวที่ทำได้คือกราดมองพวกชั่วช้าด้วยสายตาแข็งกร้าวและเคียดแค้น ทั้งที่ความกลัวเริ่มตีตื้นขึ้นมา.... ร่างกายท่อนล่างกำลังถูกรุกราน รุ่นพี่จินซอกเอื้อมมือมาดึงรวดเดียว ขอบกางเกงขาสั้นของเตนล์ก็ร่นลงอยู่ตรงข้อเท้า
“......ฮึก......อึก...........”
“เฮ้ย กูยังไม่ได้ทำห่าอะไรมึงเลย จะรีบร้องไห้ไปไหนวะ?” คำพูดถามเชิงเยาะเย้ยกัดกินลึกลงไปถึงหัวใจ “ปกติเห็นมึงชอบแอ๊บทำเป็นโลกสวย ร่าเริงอย่างกับคนปัญญาอ่อน.... นี่พวกกูจะช่วยสอนให้มึงได้รู้จักกับโลกอีกด้านไง”
เตนล์หลับตาลงไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว เขาคงไม่มีทางรอด ต่อให้ภาวนาจนตายขอให้มีใครสักคนผ่านมาช่วย.... แต่ก็คงไม่มีใครอยากช่วยเขา ไม่มีใครอยากเสียสละเอาตัวเข้ามาเสี่ยงเพื่อเขาหรอก
ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกถึงแรงบีบเค้นบริเวณโคนขาด้านใน เขาตัวสั่น เม็ดเหงื่อไหลซึมจนไรผมเปียกชื้นไปหมดขณะที่มือหยาบกร้านเฉียดเข้าใกล้ส่วนกลางลำตัว.... ปราการชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ไม่ได้ช่วยให้อุ่นใจขึ้นเลยเพราะรู้ดีว่าพวกหมาล่าเนื้อย่อมไม่มีทางหยุดอยู่แค่นี้แน่
“พวกมึงว่าไอ้เด็กนี่มันจะมีโรคมั้ยวะ กูจะได้ใส่ถุงก่อน?”
“ปกติแม่งคั่วอยู่กับไอ้จอห์นนี่ไม่ใช่เหรอ ถ้าไอ้ฝรั่งเก๊นั่นไม่ติด พวกเราก็ไม่มีปัญหาหรอก”
“กลัวมากก็ไปหาถุงใส่ก่อนไป.... แต่ขาวๆ แบบนี้ กูบอกเลยว่ากูจะสด”
คำพูดโต้ตอบที่ได้ยินเรียกเลือดในกายให้พุงทะยานถึงจุดเดือด อารมณ์เกลียดวิ่งควบคู่ไปพร้อมกับความหวาดกลัว.... เกลียดในความสารเลวของชเวจินซอกกับลูกน้อง เกลียดความคิดชั่วร้าย เกลียดการกระทำต่ำทรามซึ่งเป็นผลมาจากความอิจฉา ไม่อยากเห็นคนอื่นได้ดีกว่าตัวเอง เกลียดคนที่เอาแต่ความสะใจโดยไม่คิดเลยว่าฝ่ายที่ถูกพวกมันย่ำยีจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร
และเตนล์ก็เคยอิจฉาพี่แทยง ทั้งอิจฉา ทั้งริษยาจนเคยเอาเรื่องที่แทยงเคยเกือบถูกคนพวกนี้ไปแบล็กเมล์พี่จอห์นนี่ อยากได้อยากมีในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง.... เห็นเขารักกันก็เผลอคิดไปว่าถ้าแย่งมาได้ พี่จอห์นนี่ก็อาจจะแบ่งใจมาให้เขาบ้าง แต่สุดท้ายทุกสิ่งที่หวังเอาไว้ก็ไม่เคยเป็นจริงสักอย่าง
มีเพียงบทลงโทษสำหรับคนขี้อิจฉาเท่านั้นที่เป็นของจริง....
แชะ!
“นั่นใครวะ!!??”
แสงไฟสว่างวาบกับเสียงชัตเตอร์กล้องไอโฟนเรียกกลุ่มคนซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการรุมทึ้งเหยื่อให้หันไปตะคอกอย่างเอาเรื่อง.... เมื่อบรรดามือสากที่ยุ่มย่ามอยู่ตามเนื้อตัวหยุดการเคลื่อนไหว ส่งผลให้ร่างเล็กรีบดีดตัวขึ้นอย่างมีความหวัง หากก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าคนที่มาใหม่กำลังจ่อเลนส์กล้องโทรศัพท์มือถือมาทางนี้ ท่าทางเหมือนไม่ได้มาช่วย หากแต่แวะมาเพราะเห็นว่าสิ่งที่รุ่นพี่ทำนั้นน่าสนใจจนต้องขอถ่ายรูปเก็บไว้ต่างหาก
และที่เตนล์คิดแบบนั้นก็เพราะหมอนั่นคือ ‘จอง แจฮยอน’
“อ๊ะ เมื่อกี้ผมเผลอทำแฟลชลั่นล่ะ” เด็กหนุ่มร่างสูงเจ้าของใบหน้ายิ้มแย้มเอ่ยบอกราวกับจะขอโทษที่มาขัดจังหวะ “อันนี้มันรุ่นใหม่ ผมยังไม่ค่อยชินโหมดกล้องถ่ายรูปเท่าไร.... งั้นขอเปลี่ยนเป็นวีดิโอก็แล้วกันนะครับ จะได้มีหลักฐานด้วยว่าตัวจริง ไม่มีสแตนอิน ถ้าเป็นรูปถ่ายเดี๋ยวเขาหาว่าผมตัดต่อ”
“มึงอย่ามาเสือก ไสหัวไป!” ชเว จินซอกตะโกนไล่ คิดว่าแจฮยอนก็เป็นแค่รุ่นน้องธรรมดาๆ คนหนึ่งที่กลัวพวกตนจนหัวหด ทว่า นอกจากจะไม่กลัวแล้ว แจฮยอนยังลอยหน้าต่อปากต่อคำกวนประสาทแถมให้อีก
“ผมไม่ได้เสือกนะครับ ก็แค่อยากรู้อยากเห็นไปตามประสาเด็กม.ปลาย”
คนที่เคลมว่าตัวเองเป็น ‘เด็ก’ ยักไหล่ไม่ยี่หระต่ออาการฮึ่มแฮ่ของแก๊งค์หมาหมู่ ทั้งที่หน้าตาก็ไม่ได้ดูกร้านโลกเก่งท้าตีท้าต่อย หากเจ้าตัวกลับชูกล้องในมือวางท่าเหมือนชนะแล้วโดยที่ไม่ต้องลงมือสู้
“เผื่อวันไหนผมโดนครูเลือกให้เป็นเซ็นเตอร์ขึ้นมาจะได้รู้วิธีรับมือกับพวกขี้อิจฉาหน้าตัวเมียล่วงหน้าไง”
“ไอ้ห่านี่!!”
“เดี๋ยวมึง”
จินซอกยั้งมือเพื่อนเอาไว้ก่อนที่กำปั้นจะกระแทกโดนหน้าแจฮยอน แต่คนที่รู้สึกว่าเพิ่งโดนเด็กเมื่อวานซืนถอนหงอกก็ยังฮึดฮัดจะสั่งสอนรุ่นน้องปากมอมให้ได้ เดือดร้อนหัวหน้าฝูงต้องให้ข้อมูลเพราะยังไม่อยากซวยถูกจับติดคุกหัวโต
“ไอ้เด็กเวรนี่มันลูกหมอ ลูกคนรวยน่ะเข้าใจมั้ยมึง แถมยังเป็นคนโปรดของประธานพอๆ กับไอ้แทยง.... คราวนี้เราปล่อยมันไปก่อน!”
“แต่แม่งกวนส้นตีน.....!!”
“เชื่อกูเหอะน่า.... ไปเว้ย!!”
ทันทีที่กลุ่มรุ่นพี่กลับออกไปโดยที่ไม่ลืมชี้หน้าทั้งเขาและผู้มาใหม่เป็นเชิงฝากรอยแค้น เตนล์พยายามรวบรวมกำลังลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล ท่อนบนของเขาเหลือแค่เศษผ้าขาดวิ่น ต้องกัดฟันระงับอาการเจ็บตรงช่วงท้องก้มตัวลงหยิบกางเกงที่ถูกถอดกองอยู่ตรงปลายเท้าขึ้นใส่
“หมดสภาพเลยนะครับ พี่เตนล์คนเก่ง”
ร่างสูงก้าวเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า น้ำเสียงนั้นไม่ได้ฟังดูเยาะเย้ยถากถาง แต่ก็ไม่ได้มีความเป็นห่วงเป็นใยแฝงอยู่เช่นกัน.... ใบหน้าหล่อจัดจ้องมองคนตัวเล็กตั้งแต่หัวจรดเท้า ริมฝีปากหยักมุมยกยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนที่เจ้าตัวจะยื่นโทรศัพท์มือถือซึ่งบันทึกภาพเหตุการณ์เมื่อครู่มาให้เตนล์ดูชัดๆ
แบบเดียวกับที่เขาเพิ่งทำกับพี่จอห์นนี่ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน....!!
“เจย์......นายคงไม่...........”
“ไม่? อะไรเหรอครับ?”
“คลิปนั่น.....นายจะลบทิ้งใช่ไหม? จะไม่เอาไปให้คนอื่นดูใช่หรือเปล่า...?”
เตนล์รู้สึกเหมือนลมหายใจกำลังจะขาดห้วง สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ามันทำให้เขาทั้งเจ็บ ทั้งจุกไม่ต่างอะไรกับตอนที่ถูกชเว จินซอกต่อยท้องน้อยเลย
.
.
“ผมคิดว่าคนอย่างพี่น่าจะเข้าใจกฎของการแลกเปลี่ยนดีอยู่แล้วนะครับ.... ไม่อย่างนั้นก็คงไม่กล้าขู่พี่จอห์นนี่จนเขาต้องยอมเป็นแฟนหลอกๆ ของพี่อยู่ตั้งเป็นปี”
“ถ้าอยากให้ผมลบ ก็ต้องหาอย่างอื่นมาแลกครับ.... ไม่อย่างนั้นคำตอบก็คือ No”
“ฉันบอกให้ลบออกเดี๋ยวนี้!!”
ร่างเล็กตวาดใส่พร้อมทั้งกระโจนเข้าไปแย่งโทรศัพท์ในมือแจฮยอนอย่างเกรี้ยวกราด แรงโกรธโหมกระพือจนลืมความเจ็บทางกาย ลืมว่าเพราะอะไรตัวเองถึงต้องมาอยู่ในสภาพนี้ และลืมว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะขัดขืนคำสั่งจากเจ้าของเงื่อนไขชี้เป็นชี้ตายด้วย
“ไม่ครับ”
เด็กหนุ่มตอบชัดพลางเบี่ยงตัวหลบแล้วยัดมือถือลงกระเป๋าหลังกางเกง เตนล์ซึ่งสูงแค่ไหล่เขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
“อันที่จริง พี่ควรจะขอบคุณผมเสียด้วยซ้ำที่ยังให้โอกาสต่อรอง ถ้าผมใจร้ายกว่านี้อีกแค่นิดเดียว รับรองเลยว่าคลิปพี่ได้ไปว่อนอยู่ในเว็บโป๊ใต้ดินแน่”
“How dare you threaten me!? (นายกล้าดียังไงมาขู่ฉัน!?)”
“Threaten? (ขู่เหรอ?)” แจฮยอนเลิกคิ้ว หรี่ตามองหน้ารุ่นพี่ตัวเล็กที่กำลังเต้นเร่าๆอย่างนึกขำปนสงสาร คนเราเวลาเข้าตาจนก็มองเห็นช้างตัวเท่ามดกันทั้งนั้น น่ากลัวจะโดนเหยียบตายเข้าสักวัน
“Have you ever heard someone saying ‘Actions speaker louder than words? (เคยได้ยินที่เขาพูดกันว่า ‘การกระทำเสียงดังกว่าคำพูดมั้ยครับ?)”
“คนทั่วไปมักจะแปลว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด แต่จริงๆ แล้วมันหมายถึงให้ลงมือทำเลย อย่าดีแต่พูดต่างหาก.... เพราะฉะนั้นวางใจได้เลยครับว่าผมไม่ได้แกล้งขู่พี่ให้เปลืองน้ำลายเล่นหรอก”
เตนล์เริ่มหอบหายใจจนตัวโยน ใบหน้าร้อนผ่าวเมื่ออีกฝ่ายส่งสัญญาณกลายๆ ว่าไม่ใช่การขู่ให้กลัว.... เขาไม่แน่ใจว่าแจฮยอนรู้เรื่องนี้ได้ยังไง เพราะคนที่รู้ก็มีแค่พี่จอห์นนี่คนเดียว ถ้าพี่จอห์นนี่ไม่พูด หมอนี่ก็ไม่มีทางระแคะระคาย.... แล้วเขาจะยังทำใจได้เหรอถ้าหากทุกอย่างกลับกลายเป็นว่าตัวเองถูกสองคนนั้นรวมหัวกันวางแผนเอาคืนเพื่อปกป้องพี่แทยง?
สุดท้ายคนที่ได้รับความรักอยู่เสมอก็ยังคงเป็นฝ่ายชนะ
ส่วนคนที่ไม่เคยได้อะไรเลยก็ต้องพ่ายแพ้ ถูกเหยียบย่ำซ้ำเติมไปจนวันตาย....
“สนุกมากนักใช่ไหม เจย์?” ร่างบางแค่นเสียงถาม ก้อนเนื้อในอกซ้ายบีบรัดจนเหมือนจะระเบิด “นายไม่ควรเข้ามาขวางรุ่นพี่จินซอกเลยนะ.... ปล่อยให้ฉันโดนพวกสารเลวนั่นรุมโทรมไปซะ นายกับพี่จอห์นนี่อาจจะสะใจกว่าแค่ถ่ายไอ้วีดิโอครึ่งๆ กลางๆ ก็ได้.....”
“ประชดเก่งนะครับ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลา”
“ทำไมถึงต้องมายุ่งกับฉันด้วย ฉันไปทำอะไรให้นายนักหนา!!??”
“สิ่งที่พี่ทำไม่มีผลกับผมโดยตรงก็จริง แต่พี่แทยงกับพี่จอห์นนี่ก็ไม่ควรต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ เพราะเขาก็ไม่เคยทำอะไรให้พี่เหมือนกัน”
แจฮยอนมองคนที่ยืนกัดปากจ้องมองเขาคล้ายอยากจะคว้ามีดมากระหน่ำแทงให้ตาย แต่ถ้าไม่โดนเข้ากับตัวเสียบ้าง เตนล์ก็คงไม่เข้าใจว่าการกระทำของตัวเองมันแย่แค่ไหน ก็จะเอาแต่อ้างว่าทำไปเพราะรักพี่จอห์นนี่แล้วก็ปล่อยให้ชีวิตของคนสองคนต้องมาพังเพราะความอิจฉาอยากได้อยากมีของๆ คนอื่น
“รู้ใช่ไหมครับว่าผมหมายถึงอะไร.... ลบคลิปที่พี่เคยถ่ายไว้แล้วไปบอกเลิกพี่จอห์นนี่ซะ แล้วผมก็จะลบคลิปเมื่อกี้เป็นการแลกเปลี่ยน”
“................”
ร่างเล็กนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังหยุดคิด แต่แล้ว ริมฝีปากเม้มแน่นก็เปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้มอย่างไม่อาจคาดเดาความหมาย ดวงตาซึ่งยังรื้นหยดน้ำช้อนมองคนตัวสูงกว่าราวกับจะเชิญชวน.... ท่าทางโกรธเคืองหายไปเป็นปลิดทิ้ง กลับกลายเป็นกระแซะเข้ามากอดแขนคลอเคลียออดอ้อน
“นี่ เจย์.... ฉันมีความลับจะบอกนายล่ะ”
น้ำเสียงหวานเจือสำเนียงหัวเราะคิกคักประหนึ่งว่าตนเองกับแจฮยอนไม่เคยมีเรื่องขัดใจกันมาก่อนเลย แล้วจึงยืดตัวกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูอีกฝ่าย
“ฉันคบกับพี่จอห์นนี่มานานก็จริง แต่เขายังไม่เคยแตะต้องฉันเลยนะ กับคนอื่นสมัยอยู่เมืองไทยก็ยังไม่เคย.... นายสนใจจะลองครั้งแรกของฉันไหม?”
แจฮยอนหรี่นัยน์ตามองเจ้าของคำถาม เขาไม่ได้สงสัยว่าเตนล์จะพูดจริงหรือโกหก เขาสงสัยแค่ว่าเงื่อนไขแลกกันลบคลิปวีดิโอมันยากมากขนาดที่ทำให้เตนล์ยอมเสียเวอร์จิ้นให้กับคนที่ตัวเองเกลียดเชียว?
หรือว่าประเด็นจะอยู่ที่เงื่อนไขข้อสอง.... บอกเลิกพี่จอห์นนี่?
“ที่เสนอให้ผมเนี่ย จนตรอกขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
“พี่แทยงน่ะ ต่อให้ไม่มีพี่จอห์นนี่ เขาก็อยู่ได้สบายๆ หรอกน่า.... ก็เขาทั้งสวย น่ารัก เก่ง ผู้ใหญ่ก็ชอบ แถมยังมีน้องชายอย่างนายคอยเป็นบอดี้การ์ดให้อีก เดี๋ยวก็มีคนใหม่มาจีบเขาเป็นแฟนเองแหละ”
“พี่เตนล์ก็เหมือนกันนี่ครับ ไม่มีพี่จอห์นนี่ก็ไม่เห็นตายเลย”
“ตายสิ........”
เจ้าตัวเถียงกลับทั้งที่ใบหน้ายังมีรอยยิ้ม.... รอยยิ้มที่มาจากการฝืนแกล้งทำ ยิ้มเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าข้างในหัวใจกำลังพังยับเยิน ปกปิดความเจ็บปวดเอาไว้ ยอมเดิมพันด้วยศักดิ์ศรีทั้งหมดเพื่อที่จะได้ขยะแขยงตัวเองมากกว่าเก่า
“นะ เจย์.... นายอยากให้ฉันทำอะไรล่ะ ว่ามาได้เลย? ฉันใช้ปากทำให้นายก็ได้นะ.... ได้ทุกอย่างที่นายต้องการ...........นายจะทำยังไงกับฉันก็ได้..........”
“ผมขอปฏิเสธครับ” แจฮยอนเอ่ยเสียงเรียบ แม้ไม่ได้แสดงท่าทางรังเกียจ หรือผลักไสเตนล์ให้ออกไปไกลๆ แต่คำพูดเชิงสั่งสอนก็ทำเอาคนอายุมากกว่าหน้าชาเหมือนถูกตบเข้าฉาดใหญ่ “ยอมเอาตัวเข้าแลก ทั้งๆ ที่แค่ลบคลิปนั่นทิ้งกับบอกเลิกพี่จอห์นนี่ก็จบแล้วเนี่ยนะครับ? ผมไม่รู้จะเรียกคนแบบพี่ว่าโง่หรือบ้าดี แต่อย่าพยายามทำให้เรื่องมันยุ่งยากไปกว่าเดิมเลย”
“ก็........ฉัน....... ไม่อยากเลิกนี่.......”
การยอมรับความจริงก็ไม่ต่างกับกลืนยาขม ส่วนการโกหกตัวเองก็เหมือนลูกกวาดเคลือบยาพิษ ซึ่งคนบางคนก็เลือกที่จะตายอย่างช้าๆ ไปกับความหวานจอมปลอมเพื่อแลกกับความสุขชั่วครู่ชั่วคราวที่ไม่มีอยู่จริง.... ใช่ว่าเตนล์จะไม่เคยรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป เขาเองก็ทรมานใจจะขาดทุกครั้งเมื่อถูกคนที่หลงรักจ้องมองราวกับว่าเป็นแมลงน่ารังเกียจ แต่สำหรับเขาแล้ว การต้องอยู่ตัวคนเดียวโดยไม่มีพี่จอห์นนี่นั้นน่ากลัวและเงียบเหงากว่าหลายเท่า....
ต่อให้ทำผิด ต่อให้ต้องร้ายแค่ไหนก็ไม่อยากกลับไปอยู่ในสภาพที่เหมือนไม่มีใครแบบนั้นอีกแล้ว
“นายไม่เข้าใจหรอกว่าการต้องจากบ้านมาอยู่ในที่ที่ตัวเองไม่รู้จักตามลำพังมันเป็นยังไง ทั้งเหนื่อย ทั้งเหงา อยากกลับบ้านแทบตายก็กลับไม่ได้.....ฮึก.....จะคุยกับใครก็ไม่มีคนเข้าใจ พอเห็นว่าเป็นต่างชาติ ถ้าไม่ใช่ฝรั่งหัวทอง เด็กฝึกเกาหลีอย่างพวกนายก็เอาแต่ทำท่าเหยียดฉันอยู่ตลอดเวลา........”
“มีแค่พี่จอห์นนี่คนเดียวที่เป็นห่วงฉัน ทั้งที่เขาเป็นคนดัง มีคนมาชอบเขาตั้งเยอะ แต่เขาก็ยังเข้ามาคุยกับฉันก่อน.....อะไรที่ฉันไม่เข้าใจ เขาก็ช่วยสอนให้อย่างใจดี.....อยู่ที่นี่ พี่จอห์นนี่เป็นมากยิ่งกว่าเพื่อน ยิ่งกว่าพี่ชาย.......เขาพาฉันออกไปข้างนอก ตามใจฉันทุกอย่าง ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ เป็นคนที่มีความหมายสำหรับเขา.........”
“แล้วแบบนี้.....ฮึก.....นายจะมาห้ามไม่ให้ฉันรักเขาได้ยังไง........”
ร่างบางทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นต่อหน้าแจฮยอน เมื่อนึกถึงอดีตที่ไม่น่าจดจำ นึกถึงสิ่งดีๆ ที่จอห์นนี่เคยทำให้ นึกถึงเรื่องเลวๆ ที่ตนเองตอบแทนฝ่ายนั้นเปลือกนอกที่แสร้งทำเป็นเก่งกล้าอวดดีก็หลุดกะเทาะออกมาจนหมด น้ำตาร่วงเผาะจากนัยน์ตาแดงก่ำในขณะที่เสียงพูดสั่นเครือขาดห้วงเพราะแรงสะอื้น....
การมีพี่จอห์นนี่ ซอคือสิ่งเดียวที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวให้เตนล์ยังพยายามสู้อยู่ที่นี่ต่อไป ความฝันที่อยากจะเป็นไอดอลของเขาอาจพังทลายไปนานแล้วหากไม่มีผู้ชายคนนี้.... ถึงแม้ว่าเตนล์อาจไม่ใช่น้องชายที่น่ารัก ไม่ใช่คนรักที่อยู่ในใจ และเรื่องระหว่างพวกเขาสองคนอาจไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่ถ้าหากพี่จอห์นนี่จะยังคงอยู่ตรงนี้อย่างน้อยเขาก็ยังพอมีความหวังที่จะเริ่มต้นใหม่หลงเหลืออยู่บ้าง
“นะ..... นายจะให้ฉันทำอะไรก็ได้....จะให้ไปคุกเข่าขอโทษพี่แทยงก็ได้.....แต่อย่าบังคับให้ฉันบอกเลิกพี่จอห์นนี่เลยนะ........”
มือเรียวเกาะท่อนขาร่างสูงแหงนเงยใบหน้าเปื้อนน้ำตาพลางเอ่ยขอร้องทั้งที่ยังสะอื้นไม่หยุด.... สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวสมองตอนนี้ก็คือเขาจะเสียพี่จอห์นนี่ไปไม่ได้เป็นอันขาด ต่อให้ต้องโดนดูถูก ต่อให้ต้องโดนประจานให้อับอายอย่างไรก็จะไม่ยอมเลิก
“ฉันไม่อยากเลิกกับเขา......ฮึก........ไม่อยากเลิกจริงๆ......”
แจฮยอนถอนหายใจยาวก่อนจะย่อตัวลงนั่ง แกะมือของเตนล์ออกจากขาตนเอง.... ไม่ว่าเตนล์จะรักพี่จอห์นนี่จริง หรือแค่อยากทำให้เขารู้สึกแย่ที่ทำต้องสวมบทคนใจร้าย แต่เขาก็ไม่คิดจะเลิกล้มความตั้งใจ.... ก็เหมือนเห็นจิ๊กซอว์ต่อผิดวางทิ้งอยู่บนโต๊ะ ถ้าไม่มีใครเข้าไปแก้ไข ภาพนั้นก็จะกลายเป็นเศษขยะรกๆ ไม่มีวันเสร็จสมบูรณ์แบบในตัวอย่างข้างกล่อง
“ถ้าพี่จอห์นนี่เขามีวี่แววว่าจะชอบพี่ตอบสักนิด ผมก็คงไม่ทำแบบนี้หรอกครับ”
เด็กหนุ่มใช้ปลายนิ้วปาดน้ำตาให้คนตรงหน้า แม้จะไม่พูดจาให้ความหวังหรือถนอมน้ำใจ แต่แววตาของแจฮยอนก็อ่อนลงมากเมื่อเห็นว่ายังมีบางส่วนในใจเตนล์ที่ยังรับรู้ผิดชอบชั่วดี เพียงแต่เจ้าตัวนั้นอ่อนแอเกินกว่าจะยอมปล่อยมือจากความรักที่ไปแย่งคนอื่นมา
“พี่เองก็น่าจะรู้ตัวดี ทั้งๆ ที่ตัวติดกันเกือบตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงมาเป็นปี แต่พี่ก็ยังไม่มีทางเอาชนะใจพี่จอห์นนี่ได้เลย แล้วมันมีประโยชน์อะไรที่จะพยายามกักตัวเขาเอาไว้ ทั้งที่ใจเขาอยู่กับคนอื่น?”
“แต่อย่างน้อย ฉันก็ยังมีเขา........”
“ถ้าแบบนั้นเรียกว่ามี ผมว่าพี่ไปซื้อตุ๊กตาหมีมานอนกอดก็ได้ครับ”
“นายไม่เข้าใจ......ฮึก.......ถ้าฉันปล่อยพี่จอห์นนี่ไปล่ะก็ เขาจะไม่กลับมาหาฉันอีกเลย.......ต่อให้ฉันขอโทษเขาจนตาย เขาก็จะไม่มีวันมองหน้าฉันอีก.......”
“ก็ถ้าพี่จอห์นนี่รู้ว่าพี่รักเขาจริง ไม่ใช่แค่อยากแย่งมาเล่นๆ เพราะหมั่นไส้พี่แทยง แล้วเขายังทำตัวไม่มีน้ำใจกับพี่ได้ลงคอ ผมว่าเขาก็ไม่คู่ควรกับการถูกรักสักเท่าไรนักหรอก”
“นาย.......จะแน่ใจได้ยังไง.......?”
“ก็พี่จอห์นนี่ที่ผมรู้จักไม่ใช่คนแบบนั้นไงครับ.... ผมว่าพี่ก็น่าจะรู้จักเขาดีกว่าผมอีกนะ ไม่คิดจะเชื่อใจคนที่ตัวเองรักหน่อยเลยหรือไง?”
“ฉัน.....ฮึก......ไม่อยากเสี่ยง........”
“High risk, high gain (ยิ่งเสี่ยงก็ยิ่งคุ้ม) นะครับ บางทีมันอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่พี่กังวลเลยก็ได้”
เตนล์นิ่งเงียบเม้มปากแน่นไม่ยอมพูด ใจหนึ่งก็อยากบอกแจฮยอนว่าจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ เขายอมตายดีกว่าจะกลายเป็นหมาหัวเน่าที่ไม่มีใครต้องการ มันไม่ใช่การพยายามดื้อแพ่งเอาแต่ใจจนถึงวินาทีสุดท้าย หากเพราะสิ่งที่ตนเองก่อเอาไว้ทำให้เตนล์กลัวว่าถ้าเขาเลิกกับจอห์นนี่ขึ้นมาเมื่อไร ฝ่ายนั้นก็คงตีตัวออกห่างทันทีหรือไม่ก็ไม่สนใจใยดีเขาอีกเลย.... ขนาดอยู่ด้วยกัน ใกล้แค่มือเอื้อมถึงก็ยังเหมือนว่าอยู่ห่างแสนไกล เขาคงทนไม่ได้แน่หากพี่จอห์นนี่จะมองผ่านไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาอีก
ทว่า แจฮยอนกลับส่ายหน้าไม่เห็นด้วย....
“งั้นยังไม่ต้องคิดถึงเรื่องคลิปที่ผมถ่าย คิดแค่ว่าพี่ทนได้หรือเปล่าถ้าต้องอยู่ในสถานะแฟนตัวปลอมแบบนี้ไปเรื่อยๆ อยู่ไปโดยที่ถูกพี่จอห์นนี่เกลียดมากขึ้นทุกวันๆ.... ถ้าคำตอบของพี่เตนล์คือทนได้ เราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว”
“...................”
มือหนาคว้าเอาตัวร่างเล็กเข้ามากอดไว้หลวมๆ ในขณะที่เตนล์ก็ไม่ได้ขัดขืนหรือสะบัดสะบิ้งท้าทายคนตรงหน้า ได้แต่ปล่อยให้แผ่นอกกว้างของแจฮยอนเป็นที่รองรับหยดน้ำซึ่งกลั่นมาจากจากความผิดหวังเสียใจ เมื่อรู้ตัวดีว่าถึงอย่างไรก็คงหนีความจริงที่ว่าพี่จอห์นนี่ไม่รักเขาเลยไปไม่พ้น.... ต่อให้ไม่มีเรื่องคลิป ต่อให้พยายามยื้อคบกันไปอีกห้าปี สิบปี เตนล์ก็ไม่มีวันไปอยู่แทนที่พี่แทยงได้
มันเป็นเรื่องที่เขาเองก็รู้มาตั้งแต่แรกแต่ยากเหลือเกินที่จะยอมรับ....
“ค่อยๆ คิดก็ได้นะครับ ผมไม่ได้รีบ แต่ถ้าตัดสินใจได้เร็ว มันก็เป็นผลดีต่อตัวพี่เอง.......”
แจฮยอนถอยตัวออกเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วไปตามกลุ่มผมสีดำสนิทแล้วจัดให้เข้าที่เข้าทาง ใบหน้าขาวจัดยังคงเปื้อนคราบน้ำตาถึงแม้เสียงสะอื้นจะไม่ได้เงียบหายไปเสียทีเดียว.... จะว่าไปแล้ว เดวิลเตนล์เวลาร้องไห้ก็ดูเซื่องๆ น่ารักไปอีกแบบ แต่ถ้าถามเขาล่ะก็ เขาชอบตอนที่เจ้าตัวกำลังแผลงฤทธิ์โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงมากกว่า
“ผมจะอยู่ที่ร้านกาแฟเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงตรงสถานีรถไฟ ถ้ายังไม่อยากกลับหอแล้วอยากได้เพื่อนคุยก็ตามไปแล้วกัน”
ว่าแล้วก็ลุกขึ้นคว้ากระเป๋านักเรียนกับถุงเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนใส่ซ้อมเต้น เตรียมจะเดินกลับออกไปก่อนที่สต๊าฟจะมาไล่ปิดไฟตึก ครั้งสุดท้ายที่แจฮยอนหันมามองก็คือตอนที่เตนล์เรียกชื่อเขา
“เจย์........” เจ้าของเสียงเรียกก้มหน้าลงมองพื้น ไม่กล้าสบตาเด็กหนุ่มในขณะที่เปล่งน้ำเสียงสั่นเครือแผ่วเบา “ฉันไม่อยากอยู่คนเดียวตอนนี้........นายอย่าเพิ่งกลับได้ไหม.....?”
แจฮยอนไม่ได้ปฏิเสธ เขาเพียงแค่เดินกลับไปแล้วคว้ามืออีกฝ่ายเอาไว้
.
.
“Yes, Your Highness.”
ยองโฮหยิบหนังสือที่เขาไม่ได้อ่านมานานแล้ววางเรียงลงในลังกระดาษที่ไปขอมาจากเมเนเจอร์ ยังมีของสะสมอย่างแผ่นซีดี หุ่นฟิกเกอร์ อัลบั้มรูป เสื้อผ้า เครื่องประดับ แล้วก็อะไรต่อมิอะไรที่เขาซื้อเก็บตั้งแต่ย้ายมาอยู่ห้องนี้ที่ต้องจัดการให้เรียบร้อยเพื่อส่งกลับบ้านล่วงหน้า.... ตอนอยู่ก็เห็นว่ามันเป็นแค่หอพักของบริษัท สักวันเมื่อมีที่มีทางของตัวเองก็ต้องย้ายออก แต่พอต้องย้ายออกก่อนถึงเวลาที่คิดเอาไว้ก็อดรู้สึกใจหายเล็กๆ ไม่ได้
“พี่จอห์นนี่เก็บของทำไมน่ะ?” โดยองเพิ่งกลับมาจากกินมื้อเช้าเห็นรูมเมทกำลังทยอยรื้อข้าวของออกมาจากตู้ก็ได้แต่ขมวดคิ้วสงสัย ไหนจะลังเปล่าซึ่งเจ้าตัวเอาวางสุมพิงผนังไว้อีกด้านหนึ่งนั่นด้วย “พี่จะไปไหน? ย้ายห้องไปอยู่กับเตนล์เหรอ ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย?”
“เปล่าหรอก” ยองโฮตอบยิ้มๆ “ฉันว่าจะกลับไปอยู่บ้านสักพัก ของที่ยังขนไปไม่หมดคงต้องฝากให้นายช่วยดูแลไปก่อนนะ”
“กลับบ้าน???” รุ่นน้องหน้ากระต่ายเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินที่ยองโฮพูด ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าบ้านของอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในประเทศนี้ “พี่หมายถึงบ้านที่ชิคาโกเนี่ยนะ!!??”
“อืม”
“กลับได้ยังไง มีธุระด่วนเหรอ??”
“ก็ไม่มีธุระอะไรหรอก แค่อยากกลับไปพักสักระยะ”
“กลับไปพัก!!?? พี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!!!”
ชายหนุ่มทำเป็นหัวเราะไม่ยี่หระต่ออาการแตกตื่นโวยวายของโดยอง เพราะการที่เพื่อนร่วมห้องจะตกใจกับการตัดสินใจกะทันหันครั้งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกไม่นานพวกเขาจะไปทัวร์คอนเสิร์ตต่างประเทศด้วยกันกับรุ่นพี่ ไหนจะงานโชว์เคส เพลงใหม่ก็เพิ่งเริ่มซ้อมไปเมื่อสัปดาห์ก่อน.... ในบรรดาเทรนนี่มีแค่กลุ่มของพวกเขาที่ได้รับโอกาสนี้ แต่อยู่ดีๆ ยองโฮกลับเลือกที่จะทิ้งมันไป ไม่ว่าใครรู้เข้าก็ต้องคิดว่ายองโฮเป็นบ้าหรือไม่ก็เสียสติไปแล้ว
“โอ๊ย อยากจะบ้าตาย.... แล้วนอกจากผม มีใครรู้หรือยังเนี่ยว่าพี่จะกลับอเมริกา?”
“ยังไม่ได้บอกคนอื่น ก็มีแค่นายนี่แหละ”
“เตนล์ก็ไม่รู้เรอะ!?”
โดยองทำท่าเอามือกุมขมับเหมือนอยากจะเป็นลมให้มันรู้แล้วรู้รอด ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่คอขาดบาดตายถึงขั้นเมมเบอร์คนสำคัญในทีมจะขอพักงานแต่กลับไม่มีใครรู้เลยนอกจากเขา แม้กระทั่งแฟนของเจ้าตัวก็ยังไม่รู้.... ว่าแล้วก็เปิดประตูวิ่งปรู๊ดหายไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาพร้อมกับคนตัวเล็กซึ่งในสายตาคนนอกก็ไม่ได้สนิทสนมกับยองโฮสักเท่าไร แต่คิดว่าน่าจะคุยกันง่ายกว่าเพราะอายุเท่ากัน
“พี่แทยงช่วยห้ามหน่อยดิ.... อยู่ๆ พี่จอห์นนี่ก็บอกว่าจะกลับชิคาโก จะกลับมานี่เมื่อไรก็ไม่รู้ เพลงใหม่ก็ซ้อมไปหมดแล้ว ไหนจะทัวร์คอนฯ เดือนหน้าก็มีโชว์เคสอีก ถ้าไม่มีพี่จอห์นนี่สักคนแล้วพวกเราจะทำยังไง”
โดยองร่ายยาวฟ้องแทยง พร้อมทั้งขอร้องให้ช่วยทำอะไรสักอย่างเพื่อเปลี่ยนใจยองโฮไม่ให้กลับบ้านเกิด.... ดวงตากลมโตมองหน้าร่างสูงอยู่เพียงชั่วแวบสลับกับกองหนังสือและของสะสมที่ถูกเก็บลงกล่องไปแล้ว สีหน้าเรียบเฉยของแทยงเหมือนมีคำถามเป็นล้านข้อซุกซ่อนอยู่ในนั้น หากเจ้าตัวกลับถอนหายใจออกมาแล้วถามสั้นๆ เพียงประโยคเดียว
“นายตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม?”
“อืม.... ดีที่สุดแล้วล่ะ”
แน่นอนว่าดีที่สุดของยองโฮก็คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับแทยง....
.
.
‘ถ้าตัดไม่ขาดก็ไม่ต้องไปสิ.....’
‘นายก็อยู่ส่วนของนายไป แค่เราหยุดเรื่องพวกนี้.....นายเองก็มีคนอื่นที่รักมากกว่าฉันอยู่แล้วนี่.......’
เพราะแทยงคือคนที่ยองโฮรักมากที่สุดต่างหาก เขาถึงยอมเสียสละให้ได้ทุกอย่าง....
อาจฟังดูน้ำเน่าแต่ยองโฮก็ไม่คิดว่าครั้งนี้ตัวเองจะตัดสินใจพลาดอีก ถึงแม้เขาจะต้องทิ้งความฝันของตัวเอง แต่ถ้านั่นทำให้แทยงสามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้ เขาก็ยินดีที่จะเป็นฝ่ายไป.... แรกๆ ก็คงจะไม่ชินตามประสาคนเคยเห็นหน้ากันทุกวัน แต่ยองโฮเชื่อว่าพอเวลาผ่านไปสักพัก แทยงก็จะดีขึ้น รอยร้าวในใจที่เขาเคยสร้างเอาไว้ก็จะไม่ทำให้รู้สึกเจ็บอีก
และนี่ก็คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำเพื่อแทยงได้....
.
.
“งั้นก็ขอให้โชคดีก็แล้วกัน”
แทยงตอบกลับ ในขณะที่โดยองอ้าปากค้างเตรียมจะค้านว่ามันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง แต่ก็ถูกคนอายุมากกว่าดักทางเอาไว้เสียก่อน
“ในเมื่อจอห์นนี่เขาตัดสินใจแล้ว พี่คงไม่มีสิทธิ์ไปห้ามเขาหรอก นายเองก็เหมือนกันนะ โดยอง”
“แต่ว่า........”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น.... ถ้านายว่างจะไปช่วยยูตะกับฮันซลล้างจานก็ได้นะ วันนี้เวรสองคนนั้นพอดี”
โดยองบ่นงึมงำอย่างไม่เข้าใจ อุตส่าห์นึกว่าแทยงจะตกใจและช่วยห้ามไม่ให้พี่จอห์นนี่กลับอเมริกาอย่างที่เขาพยายามทำ แต่นอกจากแทยงจะคุมโทนหน้านิ่งไม่แสดงอาการเดือดเนื้อร้อนใจเลยสักนิด ยังไปอวยพรขอให้คนที่กำลังจะไปโชคดีมีชัยเสียอย่างนั้น เหมือนรู้อยู่แล้วว่าคนจะไปยังไงช้าเร็วก็ต้องไป เลยมีแค่เขาคนเดียวที่แทบจะตีอกชกหัวเพราะรับเซอร์ไพรส์ครั้งมโหราฬไม่ทัน
เมื่อชะโงกหน้าออกไปนอกห้องหาเพื่อนร่วมชะตากรรมก็เห็นพี่แทอิลกำลังเดินมาทางนี้ ดูคล้ายพี่ใหญ่จะมีธุระกับพวกเขาพอดีถึงได้พุ่งตรงเข้ามาหาโดยไม่ต้องกวักมือเรียก
“นี่ พวกนาย.... มีใครเห็นเตนล์บ้างไหม?”
คำถามแรกทำเอาคนในห้องมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพราะเตนล์เป็นรูมเมทของพี่แทอิลกับพี่ฮันซล ถ้าแม้แต่เพื่อนร่วมห้องนอนด้วยกันทั้งคืนยังไม่รู้ไม่เห็น คนอื่นก็คงไม่เห็นเหมือนกัน.... แต่เคสเด็กหายหนนี้ ดูท่าทางพี่แทอิลจะเป็นกังวลมากจริงๆ ถึงได้ตระเวนออกตามหาไปทั่วหอพักจนต้องแวะมาเคาะถามทีละห้อง
“ฉันยังไม่เจอเตนล์เลยตั้งแต่เช้า ตอนกินข้าวก็ไม่เห็น พอนึกเอะใจเลยกลับไปดูที่ห้องถึงได้เห็นว่าเตียงของหมอนั่นยังเรียบกริบเหมือนเมื่อคืนไม่มีใครมานอน.... ไอ้ฉันก็หลับเร็วซะด้วยเลยไม่รู้ว่าตกลงเมื่อคืนเตนล์กลับมาที่หอหรือเปล่า ถามฮันซลก็บอกไม่รู้ โทรไปก็ไม่รับสาย แล้วตอนนี้ตัวอยู่ไหนก็หาไม่เจอ”
“จอห์นนี่ นายเห็นน้องบ้างหรือเปล่า?”
“ไม่นะ........” ร่างสูงส่ายหน้าปฏิเสธ ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นเตนล์ก็คือตอนที่เด็กนั่นบอกว่าจะอยู่ซ้อมเพลงที่ตัวเองได้เป็นเซ็นเตอร์ต่อ แล้วเขาก็ไปหาแทยงซึ่งซ้อมโซโลแดนซ์อยู่อีกสตูดิโอหนึ่ง “แล้วเมื่อวานเตนล์กลับกับใคร?”
“ไม่รู้ดิ ฉันกลับพร้อมกับโดยอง ยูตะ ฮันซล เดินมาด้วยกันแค่สี่คนนี่แหละ ก็ปกติเตนล์จะกลับพร้อมนายไม่ใช่เหรอ จอห์นนี่?”
ถ้าปกติก็ใช่.... แต่เมื่อวานนี้ยองโฮเลือกที่จะทิ้งเตนล์เอาไว้โดยไม่บอกไม่กล่าวแล้วกลับหอพร้อมแทยง เขาจูงมือแทยงไม่ยอมปล่อย คิดแต่เรื่องของแทยง สนใจแค่แทยงที่เขารักเพียงคนเดียว ไม่ได้นึกถึงด้วยซ้ำว่าอาจมีใครบางคนกำลังรอให้เขามารับเหมือนทุกวัน.... และในตอนนี้ คนๆ นั้นก็หายตัวไปเพราะความไม่สนใจใยดีของเขา
แทยงก็ได้แต่ยืนเงียบพูดอะไรไม่ออก ถึงแม้จะไม่มีใครชี้หน้าด่า แต่เขาก็ละอายใจเพราะรู้ตัวดีว่าทำอะไรลงไปบ้าง เตนล์ไม่เคยหายไปเงียบๆ แบบนี้ เขาจึงกลัวว่าที่่น้องไม่ยอมกลับหอพักเมื่อคืนจะเกี่ยวกับเรื่องของตนเองกับยองโฮ.... ทว่า ร่างสูงกลับเป็นเชิงบอกให้แทยงอยู่เฉยๆ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น
“เตนล์ก็ไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้วนะ หมอนั่นไม่หายไปไหนง่ายๆ หรอก.... บางทีอาจจะมีธุระด่วนต้องออกไปไหนแต่เช้าก็ได้มั้ง”
“ด่วนถึงขนาดไม่บอกอะไรใครเลยเนี่ยนะ?”
แทอิลขมวดคิ้วมองคนพูดอย่างไม่ค่อยพอใจนัก อันที่จริงถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเตนล์ เขาคิดว่าจอห์นนี่น่าจะต้องเป็นคนแรกที่รู้ก่อนชาวบ้านด้วยซ้ำ แต่จนป่านนี้ยังนั่งจัดรื้อห้องของสบายใจเฉิบไม่มีวี่แววว่าจะเป็นเดือดเป็นร้อนสักนิด
“ทำไมนายดูไม่ค่อยเป็นห่วงน้องเลย แฟนหายไปทั้งคนมัวทำใจเย็นอยู่ได้ยังไง?”
“ผมไม่ได้ใจเย็น แต่ตึกบริษัทกับหอพักเราก็ห่างกันแค่นี้”
พอถูกพี่ใหญ่ว่า ยองโฮเองก็เริ่มหน้าเสียขึ้นมาบ้างก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือมากดหาไอ้ตัวยุ่ง แต่ก็เป็นอย่างที่พี่แทอิลบอกแต่แรกว่าปิดเครื่อง แถมก่อนหน้านั้นก็ไม่มีมิสคอลถึงเขาเลยสักสาย ข้อความในคาทกก็ไม่มีซึ่งผิดวิสัยความช่างตื๊อชอบทำตัววุ่นวายของเตนล์เป็นอย่างมาก
“ไม่ใช่ไปมีเรื่องกับใครเข้านะ?”
โดยองสันนิษฐาน ก็ไม่ได้อยากมองโลกในแง่ร้ายหรือแช่งเพื่อนนักหรอก แต่ก็อดห่วงไม่ได้ว่าเทรนนี่ต่างชาติที่เพิ่งได้ขึ้นมาเป็นเซ็นเตอร์อย่างเตนล์จะไปขวางหูขวางตารุ่นพี่นิสัยแย่ๆ เข้า ยิ่งเคยได้ยินข่าวลือที่ว่ามีเด็กฝึกรุ่นเก่าเก็บซึ่งใกล้หมดสัญญาเต็มทีคอยจ้องจะหาเรื่องคนในทีมพรีเดบิวท์อย่างพวกเขาอยู่
“อย่างพวกรุ่นพี่จินซอกไรงี้ เห็นเขม่นกลุ่มเรามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่........”
“รุ่นพี่จินซอกเหรอ......?”
แทยงทวนคำพลางนึกถึงชื่อคนที่ถูกพาดพิง.... เรื่องที่โดยองพูดไม่ใช่แค่ข่าวลือ เพราะตัวเขาก็เคยเกือบตกเป็นเหยื่อของรุ่นพี่อันธพาลกลุ่มนี้ ทั้งๆ ที่เห็นหน้ากันมาหลายปี เรียนร้องเรียนเต้นอยู่ในคลาสเดียวกันมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่สุดท้ายก็ต้องมาเป็นศัตรูกันเพียงเพราะตนเองไม่ใช่คนที่ถูกเลือก
เหตุผลที่แทยงถูกเรียกไปก็เพราะเขาถูกเลือกให้เป็นเซ็นเตอร์
แล้วในตอนนี้เตนล์ก็ขึ้นมาอยู่ตำแหน่งเดียวกันกับเขา
ถ้าพวกนั้นยังผูกใจเจ็บเล่นไม่เลิก มันก็เป็นไปได้ที่พวกชเว จินซอกจะเบนเข็มไปเล่นงานเด็กต่างชาติที่ดูยังไงก็ไม่มีทางสู้ ถ้าเกิดเหตุร้ายขึ้นจริง ผู้ใหญ่ก็คงไม่ช่วยแจ้งความเอาผิดเทรนนี่ในสังกัดให้เสียชื่อค่ายอยู่แล้ว เหลือทางเดียวก็คือต้องยกเลิกสัญญาของเตนล์แล้วส่งกลับประเทศเพื่อให้จบเรื่อง
กับคนที่ทุ่มเทฝึกซ้อมแทบตายเพื่อให้ตัวเองขึ้นมาถึงจุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่สมควรต้องเจอเรื่องเลวร้ายแบบนั้น
.
.
ถึงแม้ว่าคนๆ นั้นจะเป็นคนที่ยองโฮรักมากกว่าเขาก็ตาม....
.
.
“เฮ้ย แทยง.... จะไปไหนน่ะ!!??”
“พี่แทยง.... เดี๋ยวดิ เฮ้ย! อย่าเพิ่งไป!!!”
แทยงวิ่งลงบันไดจากชั้นที่เป็นห้องพักของทีมพรีเดบิวท์ไปยังชั้นของเทรนนี่ทั่วไป ได้ยินเสียงพี่แทอิลกับโดยองตะโกนเรียกด้วยความตกใจที่อยู่ๆ เขาก็พรวดพราดออกมาจากห้องแต่ก็ไม่มีเวลาพอจะหันกลับไปอธิบาย.... ลางสังหรณ์บางอย่างกระซิบบอกให้รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล แม้จะลองคิดในแง่ดีว่ามันคงไม่มีอะไร แต่ตราบใดที่ไม่ได้เห็นกับตา ไม่ได้ยินกับหูว่าพวกรุ่นพี่จินซอกไม่ได้ยุ่งกับเตนล์จริงๆ เขาก็คงไม่มีทางอยู่เฉยได้เหมือนกัน
เพราะวันนี้เป็นวันหยุด เด็กฝึกหัดส่วนใหญ่จึงอยู่กันค่อนข้างพร้อมหน้าพร้อมตา ทันทีที่เห็นแทยง ทุกคนต่างก็หันมามองแทบจะเป็นตาเดียวกัน เสียงซุบซิบนินทาด้วยความประหลาดใจลอยมากระทบหู.... ร่างเล็กใช้เวลาไม่กี่วินาทีก็เห็นบุคคลเป้าหมายยึดโซฟาห้องนั่งเล่นรวมอยู่กับกลุ่มเพื่อนสนิท ก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วเอ่ยเรียกอย่างพยายามรักษามารยาท
“พี่จินซอกครับ”
“อ้าว นึกว่าใคร.... ที่แท้ก็ ลี แทยง เซ็นเตอร์ตลอดกาลของพวกเรานี่เอง”
น้ำเสียงยียวนดังสวนกลับมาโดยที่คนพูดยังไม่ละสายตาจากหน้าจอโทรทัศน์
“มีธุระอะไรถึงลงจากหอคอยงาช้างมาเดินเพ่นพ่านในสลัมได้ล่ะ.... หรือว่าทีมรุกกี้เขาเปลี่ยนเซ็นเตอร์ใหม่แล้วถีบนายกลับลงมาอยู่ชั้นเดียวกับพวกเรา?”
“นึกว่าจะแน่ ยังไม่ทันเดบิวท์เลย ตกกระป๋องแล้วเหรอวะ แทยง?”
“จะแชร์ห้องกับใครดีล่ะ.... อยู่กับคนธรรมดาเดี๋ยวก็ผื่นขึ้นหรอก ชั้นนี้มันมีแต่สามัญชนนะเว้ย พวกเจ้าชายทีมพรีเดบิวท์สงสัยจะอยู่ลำบากว่ะ”
เมื่อตัวหัวหน้าเริ่มเปิดให้ ตัวลูกน้องก็หอนรับเป็นลูกคู่พร้อมเสียงหัวเราะชอบใจจากบรรดาเทรนนี่ที่หมั่นไส้แทยงอยู่เป็นทุนเดิม แต่เขาก็ทำเป็นไม่ได้ยิน สนใจจดจ่อแค่เรื่องที่ทำให้ตนเองต้องมายืนอยู่ที่นี่
“ผมแค่อยากรู้ว่าพี่เห็นเตนล์บ้างหรือเปล่า?”
“เตนล์....?” ชเว จินซอกแกล้งทำท่านึก ในที่สุดก็ดีดตัวขึ้นจากโซฟาแล้วหันมายักคิ้วใส่อย่างมีเจตนาจะหาเรื่อง “อ้อ ไอ้เด็กกะเหรี่ยงที่เป็นเซ็นเตอร์คู่นายน่ะเรอะ.... นึกยังไงถึงมาถามหาคู่แข่งล่ะ?”
“ตกลงว่าเห็นหรือไม่เห็นครับ?”
“มึงเห็นกูเป็นศูนย์ลงทะเบียนแรงงานต่างด้าวหรือไง?”
ร่างสูงใหญ่ลุกพรวดขึ้น มือหนากระชากคอเสื้อแทยงพลางก้มหน้าลงไปประชิด แววตาอาฆาตมาดร้ายจ้องมองศัตรูตั้งแต่หัวจรดเท้า น้ำเสียงห้วนกรรโชกใส่พร้อมความเกลียดชังจนเข้ากระดูกดำ
“ไม่-เห็น-โว้ย!!”
“ไม่เห็นงั้นก็ดีครับ”
“ก็ดีเหรอ? กูนึกว่ามึงน่าจะอยากให้ไอ้เด็กต่างด้าวนั่นโดนพวกกูจับแก้ผ้าทำเมียเสียอีก.... แบบเดียวกับที่กูเคยจะทำกับมึงไง!”
จินซอกเปลี่ยนจากกระชากคอเสื้อเป็นบีบต้นแขนแทยง ยิ่งร่างเล็กพยายามสะบัดให้หลุด เขาก็ยิ่งเพิ่มแรงเค้นจนผิวเนื้อขาวขึ้นรอยปื้นแดง ในขณะที่แทยงจ้องมองรุ่นพี่ด้วยความรังเกียจขยะแขยงทั้งการกระทำและคำพูด
“ก็เพราะผมไม่ได้เลวเหมือนพี่.... ไม่ได้เอาแต่จ้องจะทำลายทุกคนที่ได้ดีกว่าตัวเองไงล่ะ!”
แทยงเชิดหน้าขึ้นสบมองแววตาแข็งกร้าว คนพวกนี้ก็ดีแต่เก่งกับคนไร้ทางสู้ ยิ่งแสดงออกว่ากลัวมากเท่าไรก็ยิ่งโดนรังแกหนักมากขึ้นเท่านั้น.... เขายันฝ่ามือผลักจินซอกสุดแรง ตอบโต้ให้อีกฝ่ายรู้สำนึกสักทีว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มันไร้สาระและต่ำทรามสิ้นดี
“แล้วก็ถ้าสมองมันว่างถึงขนาดคิดได้แต่เรื่องชั่วๆล่ะก็ ผมว่าพี่เอาเวลาไปซ้อมเต้นหรือหัดเขียนเนื้อแร็พดูบ้างเหอะ อย่างน้อยพอหมดสัญญาจากที่นี่ก็อาจจะยังมีโอกาสไปอยู่กับค่ายอื่น!”
“หนอย มึง!!!!”
สิ้นเสียงสบถหยาบคาย ร่างบางก็ถูกเหวี่ยงจนล้มหงายหลังด้วยแรงโมโห สะโพกของแทยงกระแทกกับพื้นจนเจ็บร้าวขึ้นมาถึงช่วงเหนือเอว แก๊งค์เพื่อนสนิทของจินซอกมายืนล้อมเอาไว้ไม่ให้เขาลุกหนีไปไหนได้ เด็กฝึกหัดคนอื่นก็แยกย้ายเข้าห้องใครห้องมันเพราะไม่อยากถูกลากเข้าไปเอี่ยวด้วย ก่อนที่ตัวหัวโจกจะเงื้อหมัดตรงเข้ามาหาแทยงอย่างมีเจตนาร้าย
“เกลียดฉิบหายไอ้พวกมีดีแค่หน้า ยังเสือกจะมาวางท่าเหนือกว่าพวกกูที่อยู่มาก่อน.... ไอ้แทยง มึงคิดจริงๆ เหรอว่าที่ตัวเองโดนเลือกเป็นเพราะมึงเก่ง มึงถูกเลือกก็แค่เพราะหน้ามึงมันขายได้ต่างหาก!!”
“ขี้แพ้!”
“เดี๋ยวมึงก็รู้ว่าใครกันแน่ที่จะกลายเป็นหมาขี้แพ้.... ถ้ากูไม่ได้ก็ต้องไม่มีใครได้ทั้งนั้นโว้ย!!!”
กำปั้นหนาอยู่ห่างออกไปไม่ถึงเมตร สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเดี๋ยวนี้อาจดับความฝันของเขาไปเลยก็ได้ แวบหนึ่งในใจที่เขาเผลอนึกถึงใครบางคนซึ่งคอยปกป้องเขาจากอันตรายมาโดยตลอด แต่แทยงก็เลือกที่จะสู้กับมันให้ถึงที่สุด.... ร่างเล็กกัดฟันลุกขึ้นกำหมัดแน่นเตรียมตัวเอาไว้ สายตาจ้องเขม็งไปยังคนที่ขู่จะทำร้ายตนเอง
ถ้าจินซอกชกเขา เขาจะไม่ยอมล้มลงอีก
ถ้าไม่สู้เพื่อตัวเอง ลี แทยงก็จะเป็นได้เพียงแก้วแตกๆ ใบหนึ่งที่รอวันถูกกวาดลงถังขยะเมื่อมันใช้การไม่ได้
จะไม่ยอมให้ใครดูถูก จะไม่ยอมให้ใครข่มเหงทั้งนั้น.... เขาไม่มียองโฮอยู่เคียงข้างอีกแล้ว เพราะฉะนั้น เขาจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไปให้ได้โดยไม่มีคนคอยปกป้อง
ชเว จินซอกก็แค่กำแพงด่านแรกที่แทยงต้องผ่านมันไปให้ได้
.
.
จำเอาไว้ว่า.... นับแต่นี้เป็นต้นไป จะเรียกหายองโฮไม่ได้อีก!
.
.
“ไหนๆ พวกกูก็จะโดนเฉดหัวอยู่แล้ว งั้นขอจัดการมึงส่งท้ายหน่อยเป็นไง!!”
พลั่ก!!!!
“โอ๊ย!!!!”
เสียงหมัดเหวี่ยงกระทบของแข็งตามมาด้วยเสียงร้องความเจ็บปวดดังขึ้น ส่งผลให้คนสองคนที่เผชิญหน้ากันอยู่ตกใจจนตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก.... เพราะเสียงร้องนั้นไม่ใช่เสียงของแทยง คนที่ถูกจินซอกต่อยหน้าเข้าเต็มแรงก็ไม่ใช่แทยง ทั้งๆ ที่คิดว่าตัวเองต้องเจ็บแน่ๆ ทว่า เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วจนสับสนอลหม่านไปหมด พอรู้สึกตัวอีกที แทยงก็เห็นเตนล์ลงไปนั่งกุมแก้มตัวเองตรงที่ถูกชกพร้อมกับร้องเสียงดังลั่นแล้ว
“ตะ.....เตนล์.......!!??”
แทยงรีบปราดเข้าไปช่วยดูอาการ แต่เพราะเตนล์ยังคงเอาแต่นั่งก้มหน้าจับแก้มตัวเองอยู่อย่างนั้น เขาจึงไม่รู้ว่าน้องเป็นอะไรมากแค่ไหน แต่ดูจากน้ำตาที่ไหลออกมาผ่านร่องมือก็น่าจะเจ็บมากอยู่ทีเดียว
“เตนล์ ไม่เป็นไรนะ.... ลุกไหวหรือเปล่า!? ฉันจะพาไปหาอะไรมาประคบให้นะ”
“อะไรวะ......กูเปล่านะโว้ย!!” จินซอกที่เมื่อครู่ยังห้าวจัดไม่กลัวใคร ตอนนี้กลับหน้าซีดปากสั่นเมื่อหมัดของตนเองลั่นถูกรุ่นน้องขึ้นมาจริงๆ “กูจะชกไอ้แทยงต่างหาก อยู่ดีๆ ไอ้เตนล์มันก็เข้ามาขวางแล้วก็เจ็บตัวเอง.....แม่งเอ๊ย......จะมาโทษกูไม่ได้นะพวกมึง!!”
“ได้หรือไม่ได้ เดี๋ยวเมเนเจอร์จะเป็นคนตัดสินเอง!”
แทยงตอกกลับอย่างโกรธจัดไม่แพ้กัน เขาพยายามประคองเตนล์ให้ลุกขึ้น คิดแค่ว่าให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่จะต้องมีคนเจ็บเพราะไอ้รุ่นพี่อันธพาลเวรตะไลพวกนี้.... ไม่ว่าจะเป็นเขา เตนล์ หรือใครก็ตาม ไม่ควรจะมีใครต้องตกเป็นเหยื่อของความอิจฉาแบบนี้อีกแล้ว
“พวกพี่คงอยู่มานานจนลืมไปแล้วสินะครับว่าที่ไหนๆ ในบริษัทกับหอพักมันก็มีกล้องวงจรปิดทั้งนั้น.... ทั้งเรื่องที่เคยทำกับผมเมื่อตอนนั้น หรือที่พี่เพิ่งชกเตนล์เมื่อกี้นี้ ถ้าพวกผมจะเอาเรื่องมันก็ไม่ได้ยากเลย แต่เราไม่ทำเพราะเห็นว่าอย่างน้อยในหลายๆ ปีนี้พวกเราทุกคนก็เคยลำบากเทรนด้วยกันมา”
“แต่มันจบแล้วครับ พวกผมจะไม่ทนให้ใครรังแกอย่างไม่มีเหตุผลอีกแล้ว.... ถ้าพวกพี่ร้ายมา ผมก็จะร้ายกลับเหมือนกัน ก็ให้มันรู้กันไปเลยว่าใครคือคนที่จะได้อยู่ต่อและใครคือคนที่สมควรจะถูกไล่ออกไป!”
“ไอ้แทยง!!”
“ไปกันเถอะ เตนล์.... อดทนอีกนิดนะ พี่แทอิลน่าจะช่วยดูแผลให้นายได้”
แทยงไม่สนใจเสียงตะคอกจากด้านหลัง เมื่อเจอตัวเตนล์ก็ถือว่าธุระจบแล้ว ถึงแม้ว่าจะจบไม่ค่อยสวยเท่าไรเพราะน้องต้องมาบาดเจ็บจากการเอาตัวเข้ามาบังไม่ให้จินซอกต่อยโดนเขา.... แม้จะไม่เข้าใจนักว่าเตนล์โผล่มาได้ยังไง ทำไมถึงรู้ว่าเขามาหาจินซอก และเพราะอะไรถึงยอมเจ็บตัวช่วยเขาแบบนี้
“เฮ้ย!!!!”
“พี่แทยง ระวัง!!!”
กว่าจะทันรู้ตัวว่าคนที่ตะโกนโวยวายเสียงหลงอยู่นั้นจ้ำเท้าเข้ามาใกล้พร้อมกับอะไรบางอย่างในมือ แทยงก็รู้สึกได้ถึงคราบของเหลวอุ่นๆ ซึ่งไหลย้อยลงจากด้านหลังศีรษะสู่ท้ายทอย.... เหมือนได้ยินเสียงเตนล์ร้องบอกแว่วๆ ว่าให้ระวัง หากในตอนนั้นหัวสมองของเขามึนชาราวกับสูญเสียการรับรู้ไปชั่วขณะ ร่างทั้งร่างเบาหวิวไร้น้ำหนักจนไม่สามารถยืนให้ตรงได้ ก่อนที่ความเจ็บปวดจะแผ่ขยายจากจุดเล็กๆ ตรงข้างขมับด้านขวาไปถึงปลายเท้า
สิ่งสุดท้ายที่แทยงจำได้ท่ามกลางสติสัมปชัญญะอันรางเลือนก็คือ อาการปวดปลาบเหมือนแกนกะโหลกถูกทุบแรงๆ จนภาพตรงหน้าเบลอไปหมด กับตัวเขาเองซึ่งทรุดฮวบลงกับพื้นพร้อมกับเสียงเรียกของใครอีกคนทะลุแทรกเข้ามาในโสตประสาท....
.
.
“แทยง!!!!!”
.
.
อุตส่าห์ตั้งใจว่าจะไม่ล้มลง แต่สุดท้ายก็ล้มไม่เป็นท่าจนได้
ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ แทยง....
.
.
“แทยง ทำใจดีๆ เอาไว้นะ.... ฉันอยู่นี่แล้ว!!”
.
.
ใครน่ะ? ยองโฮเหรอ?
ไม่ใช่หรอก ยองโฮจะมาทำไม.... ก็เราไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อย ถ้าเขาจะมาก็เพราะเป็นห่วงเตนล์คนเดียวนั่นแหละ
ถ้าอย่างนั้นแล้วใครกำลังเรียกชื่อเราอยู่ล่ะ?
ทำไมเสียงเหมือนยองโฮเลย....?
.
.
“อย่าหลับนะ แทยง.... บ้าเอ๊ย.......... บอกว่าอย่าหลับไง..... อย่าทำให้ฉันใจไม่ดีแบบนี้สิ........”
“นายบ้าไปแล้วหรือไง..... อยู่ดีๆ ก็วิ่งออกมาแบบนั้น......ทำไมถึงมาให้ไอ้จินซอกมันทำร้ายเอาอย่างนี้......ทำอะไรไม่รู้จักคิดเลย.....ถ้านายเกิดเป็นอะไรไป แล้วฉันจะทำยังไง........ต้องให้ฉันรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตเลยใช่ไหมที่ปกป้องนายไม่ได้............”
.
.
ใช่ยองโฮจริงๆ เหรอ?
ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่.... ต้องเจ็บอีกกี่ครั้ง ทำไมถึงไม่รู้จักจำเสียที?
ลืมไปแล้วเหรอว่ายองโฮจะกำลังจะกลับอเมริกา แต่ถึงเขาไม่กลับ เขาก็มีคนรักตัวจริงที่ต้องปกป้องอยู่แล้ว.... ใครจะมาคอยดูแลคนไม่สำคัญอย่างนายได้ตลอดเวลาล่ะ แทยง?
.
.
นั่นน่ะ.... ไม่ใช่ยองโฮหรอก
.
.
“แทยง........!!!!”
TO BE CONTINUE
14 JUL @ 100%
#ฟิคเปราะบาง
ตอนนี้มาช้าเพราะมีอุบัติเหตุ ปกติเราเขียนฟิคใส่ EVERNOTE ซึ่งมันจะออโต้เซฟ
แต่อยู่ดีๆ วันนั้นมันดันไม่เซฟขึ้นมา เน็ตคงกากแล้วอินี่ก็ไม่รู้ตัวไง ไม่ได้เช็คก่อนปิดคอม มัวแต่ปั่นยอดวิวMVไปด้วย ปั่นฟิคไปด้วย ปรากฏว่าฟิคหายจ้า
ต้องเขียนใหม่หมดเลย น้ำตาไหลหนักกว่ายัยเตนล์ตอนนี้อีก 55555555+
เท่าที่ดูเนื้อเรื่อง อีกสักประมาณ3-4อัพเดทก็จบแล้วค่ะ /ปรบมือแรง
ลองเอาไปจัดหน้าไซส์หนังสือดู ปรากฏว่ามัน120หน้านิดๆ ก็คิดว่าคงรวมเล่มให้เก็บกันขำๆ แหละ มีตอนพิเศษแถมให้สัก3-4ตอนไรงี้
เดี๋ยวถ้าตัดสินใจได้ยังไงแล้วจะบอกอีกทีนะคะ (อินี่ก็ไม่ได้รวมเล่มฟิคมา2-3ปีละ คิดถึงบรรยากาศเวลาตบตีกับโรงพิมพ์ 555+)
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
#ฟิคเปราะบาง
กรีดร้อง สครีม ด่าทอ บรรยายความรู้สึกของท่านได้ที่ --> #ฟิคเปราะบาง |
| |